วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] หนังสือพิมพ์ AKB48 ฉบับ เดือนพฤศจิกายน 2018 บทสัมภาษณ์ชูริจูริ (ทาคายานางิ อากาเนะ,มัตสึอิ จูรินะ) PART1



การกลับมา
Q : ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องครบรอบปีที่10 จูรินะซัง ยินดีกับการกลับมาด้วยครับ จูรินะ : ขอบคุณค่ะ! อากาเนะ : รออยู่เสมอเลยค่ะ~! จูรินะ : ก่อนงานเลือกตั้งฉันไม่ได้นอนเลยตลอดสามวันค่ะ เพราะแฟนๆเองก็ต่อสู้กับงานเลือกตั้งจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเหมือนกัน ฉันเองจะไม่สู้ก็เห็นทีว่าจะไม่ได้ค่ะ ดังนั้น พอจบงานเลือกตั้งแล้ว ก็ทั้งโล่งใจ ทั้งความเหน็ดเหนื่อยก็ล้นทะลักออกมาเลยล่ะค่ะ Q : ช่วงเวลาสามเดือน ทำอะไรบ้างเหรอครับ? จูรินะ : ฉันแทบจะไม่ออกไปข้างนอกเลยค่ะ ก็แต่งเพลง แล้วก็ทำของจำพวกเครื่องประดับอยู่ที่บ้านค่ะ ทำอาหารทุกวันเลยด้วย มีความเป็นผู้หญิงขึ้นมากเลยค่ะ(หัวเราะ) จริงๆแล้วน้ำหนักขึ้นมา5กิโลด้วย(หัวเราะ) Q : ได้รับรู้เรื่องราวข้างนอกบ้างไหมครับ? จูรินะ : ไม่เลยค่ะ ฉันไม่ดูพวกข่าวอะไรเลย คิดไว้ว่าต้องทำใจให้สงบค่ะ แต่ว่ามีวันนึงจู่ๆก็เกิดอยากดูTVขึ้นมาก็เลยเปิดดู เจอรายการตอบคำถามที่โซวดะ(ซารินะ)จังไปออก ยังคิดอยู่เลยค่ะว่า น่าดีใจจังเลยนะที่ถึงแม้ช่วงที่ไม่มีฉันแต่SKEก็ยังคงพยายามกันอยู่ Q : ช่วงเวลาที่ไม่มีจูรินะซังSKEเป็นอย่างไรบ้างเหรอครับ? อากาเนะ : ช่วงฤดูร้อนก็จะมีทั้งงานมิฮามะ มีอีเวนท์แบบแยกทีมค่ะ คลื่นแรงมากจนฉันไม่สามารถจำเรื่องราวทั้งหมดได้เลยล่ะค่ะ แต่เหมือนที่มิฮามะจะใหญ่ที่สุดหรือเปล่านะ เพราะที่นั่นเป็นคอนเสิร์ตที่SKE48ทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว การที่ไม่มีจูรินะซังอยู่นั้นทำให้เรารู้สึกมากกว่าครั้งไหนๆค่ะ อย่างไรก็ตาม ทีมSน่ะ ได้จัดเซทลิสที่ทุกคนจะไม่มีวันลืม ถึงแม้ว่าจะไม่มีจูรินะซังตัวจริงอยู่ก็ตามล่ะค่ะ จูรินะ : อย่างนี้นี่เอง~ อากาเนะ : แม้ว่าตอนนี้เมมเบอร์อยู่จะพยายามสุดแรงแล้ว แต่ก็มีใส่เพลง Oogoe Daimond ที่จูรินะซังเป็นเซนเตอร์ลงไปด้วยค่ะ ในตอนที่ให้ความสำคัญกับคำว่า ''SKE48น่ะมีจูรินะซังอยู่ด้วยนะ'' การแสดงไลฟ์ให้ทุกคนรับรู้ได้ก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ จูรินะ : การที่ไม่มีฉันอยู่แต่งานก็ดำเนินไปได้ทำให้ฉันรู้สึกเหงาอยู่นะคะ แต่ในทางตรงกันข้าม นั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ เหมือนว่า ถ้าฉันจบการศึกษาไปก็คงไม่เป็นไรแล้วค่ะ ถึงแม้จะยังไม่คิดถึงเรื่องจบการศึกษาเลยก็เถอะ เสื้อผ้า
Q : บทสัมภาษณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ10ปี ทั้งสองคนก็เลยได้เลือกชุดที่จะใส่เองด้วยนี่ครับ อากาเนะ : ฉันใส่ชุดทีมK2ในคอนเสิร์ตที่นาโกยะโดมมาค่ะ จนถึงตอนนี้เพิ่งใส่ไปแค่สองครั้งเอง หากไม่ใช่ในโอกาสแบบนี้น่ะคงไม่ได้ใส่อีกแน่ๆเลย แล้วนึกไปถึงเรื่องราวเบื้องหลังของชุดแล้ว ก็เลยเลือกชุดนี้มาใส่ค่ะ Q : ตอนนั้นทีมK2ถูกชัฟเฟิลไปแล้วนี่ครับ อากาเนะ : แต่ว่า ฉันคิดว่าชุดนี้ทำขึ้นมาก่อนหน้านั้นค่ะ (ฟุรุคาวะ)ไอริ เมมเบอร์ออริจินัลสเตจ Ramune no Nomikata เป็นคนวาดน่ะค่ะ แล้วอีกอย่าง เพราะมีความรู้สึกที่อยากจะยืนที่นาโกยะโดมด้วยค่ะ ช่วงนี้น่ะ พอพูดถึงหรือนึกถึงเรื่องราวสมัยก่อนแล้วก็มักจะได้ยินว่า ''เธอกำลังดึงเอาเรื่องราวเก่าๆมาพูดนะ'' ค่ะ แต่ว่า ตอนนี้เป็นไทม์มิ่งที่จะได้หวนถึงอดีต เพราะอย่างนั้น ก็เลยเลือกชุดนี้มาค่ะ จูรินะ : ของฉันเป็นชุดจากเพลง Mae no Meri ค่ะ เพราะตอนที่เรนะจังจบการศึกษาเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด นี่เลยเหมือนเป็นเครื่องแสดงว่าตอนนี้หัวใจฉันแข็งแกร่งขึ้นแล้วค่ะ Q: จากเนื้อเพลงก็คือ จงใช้ชีวิตด้วยการทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดตัว จูรินะ : เนื้อเพลงก็มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ฉันกลับคิดตรงกันข้าม(กับเนื้อ)ค่ะ ท่อนที่ว่า ''แม้พวกผู้ใหญ่จะเคยพูดว่า ค่อยๆเดินไปก็ได้ แต่ฉันก็เลือกที่จะพุ่งทะยานไปข้างหน้า'' สามเดือนที่พักไปนี้ ทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดใหม่เป็น ''ค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าก็ได้'' ค่ะ เหมือนคำที่ผู้ใหญ่ว่า ฉันเองก็เพิ่งจะ21 หากมองไปรอบๆตัวแล้ว ก็มีทั้งคนที่อายุเท่ากัน มีทั้งคนที่เป็นพี่สาว แม้ว่าตลอดสิบปีจนมาถึงตอนนี้ฉันใช้ชีวิตแบบทะยานไปข้างหน้าก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดได้ว่า การที่เราค่อยๆทำมันอย่างช้าๆก็ไม่ได้เสียหายไม่ใช่หรอกหรือ รอยเท้า
Q : จากนี้ไปเรามาเข้าเรื่องครบรอบ10ปีกันดีมั้ยครับ หากมองย้อนกลับไป ลองบอกเรื่องที่ประทับใจให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ จูรินะ : เริ่มจากสเตจ ''Party ga Hajimaruyo''(ตุลาคม 2008) เลยค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ฉันได้ทำการแสดงร่วมกับเด็กๆ7D2(รุ่น7+ดราฟรุ่น2)บนสเตจครบรอบ10ปีไปค่ะ ตอนนั้นฉันอายุน้อยที่สุด แต่คราวนี้กลับกลายเป็นคนที่อายุมากที่สุดไปแล้วค่ะ เลยรู้สึกได้ถึงประวัติศาสตร์เลย อากาเนะ : ถ้าพูดถึงสเตจล่ะก็ต้อง ''Te wo Tsunaginagara''(กุมภาพันธ์ 2009)เลยค่ะ เป็นสเตจแรกที่ได้ดูหลังจากออดิชั่นผ่านเข้ามาเป็นSKEค่ะ แต่ว่าวันนั้นทั้งจูรินะซังและเรนะซังไม่ขึ้นแสดงล่ะ จูรินะ : เสียใจอ่ะ อากาเนะ : ตอนนั้นทั้งคู่ยุ่งมากเลยนี่คะ(หัวเราะ) แต่ว่าตอนที่ได้ดูสเตจก็คิดว่า ''ฉันเองก็จะได้มาเต้นที่นี่เหรอเนี่ย'' ที่จำได้แม่นเลยคือตอนดูเพลง Kayoubi no yoru, suiyoubi no asa ค่ะ จูรินะ : ทำไมอ่ะ!? อากาเนะ : ก็คิดว่า ''ไอดอลก็ร้องเพลงเท่ขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย'' ค่ะพอลองไปเสิร์ชดู ก็เลยได้รู้ว่าที่เธียเตอร์นี่จะเต้นกันเอาเป็นเอาตายจนเหงื่อชุ่มเลยค่ะ นั่นเลยเป็นเหมือนภาพลักษณ์ไอดอลในสายตาฉัน รู้สึกตื่นเต้นและชอบมากๆเลยล่ะค่ะ Q : มีนอกเหนือจากนี้ไหมครับ? จูรินะ : Banzai Venus ได้ที่1เป็นครั้งแรก(มีนาคม 2011) แต่เพราะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่น เราเลยดีใจไม่ออกเลยค่ะ อากาเนะ : เพลงc/wอย่าง Ai no Kazu ก็เป็นเพลงออริจินัลเพลงแรกของทีมK2ด้วยค่ะ จูรินะ : ทีมSเคยร้องด้วยล่ะ อากาเนะ : ใช่แล้วค่ะ! เพราะว่าทีมSดันได้ร้องก่อนทีมK2 ฉันเลยร้องไห้หนักมากเลยค่ะ!! แบบว่า ''วันนี้ทีมSร้องเหรอเนี่ย...'' จูรินะ : งั้นเหรอเนี่ย? อากาเนะ : นั่งร้องไห้อยู่ที่บ้านยกใหญ่เลยค่ะ~ คิดว่า ''เป็นเพลงแรกที่K2ได้รับแท้ๆ'' หลังจากนั้นก็ได้ยินมาค่ะว่าแฟนๆโกรธกันมากเลย จูรินะ : ขอโทษน้าชูริ~ อากาเนะ : ถึงอย่างนั้น พอได้ดูคลิปเพลงนี้ในยูทูปก็มีแฟนๆที่บอกว่า ''ช่วยเค้าไว้ได้ในช่วงประสบภัยพิบัติ'' อยู่หลายคนเลยล่ะค่ะ เพลงที่ทีมK2ร้องที่นาโกยะโดมก็คือเพลง Ai no Kazu นี่แหละค่ะ รวมกับชุดที่ใส่ในวันนี้ด้วยแล้ว เต็มไปด้วยความประทับใจค่ะ... Q : มีเพลง Aozora Kataomoi(มีนาคม 2010) ที่ทาคายานางิซังได้รับเลือกเป็นเซมบัติสึครั้งแรกด้วยนี่ครับ อากาเนะ : เพลงนี้เป็นเพลงแรกเลยค่ะที่ฉันได้ถ่ายMVของSKE แต่วันก่อนหน้านั้นถึงเราจะซ้อมกันไปเยอะมากแล้วก็จริง พอถึงถ่ายทำจริงๆก็หลงลืมท่าเต้นกันหมดเลย(หัวเราะ) จูรินะ : ใช่ๆ! เพราะว่ามีแฟนๆยืนล้อมรอบอยู่ก็เลยตื่นเต้นน่ะสิ อากาเนะ : ยังจำได้อยู่เลยค่ะว่า ทั้งส่งเสียง''เย้!'' ทั้งช่วยปรบมือให้จังหวะให้ด้วย จูรินะ : ทั้งช่วยร้องว่า A~ozo~ra Kataomoi! จูรินะ/อากาเนะ : (หัวเราะ) อากาเนะ : ดังนั้นก็เลยต้องขอโทษว่า ''จะกลับไปฝึกซ้อมกันมาใหม่นะคะ'' แล้วก็เลิกกองน่ะค่ะ จูรินะ/อากาเนะ : (หัวเราะ) อากาเนะ : เพราะงั้นแล้ว เดี๋ยวนี้เด็กรุ่น7รุ่น8ที่จู่ๆก็โดนให้ยืนเซนเตอร์แล้วยังเต้นได้เป๊ะๆนี่สุดยอดไปเลยค่ะ จุดเปลี่ยน
Q : 10ปีมานี้ ผมคิดว่าจะต้องมีจุดเปลี่ยนที่เป็นประวัติศาตร์หลายรอบแน่ๆครับ จูรินะ : ของฉันเป็นตอนที่(มิยาซาวะ)ซาเอะจังจบการศึกษาค่ะ(มีนาคม 2016) ทั้ง(คิตะกะวะ)เรียวฮะ ทั้ง(มัตสึโมโตะ)จิคะโกะ มีเมมเบอร์ที่เป็นเด็กขี้อ้อนหลายคนก็จริง แต่พอซาเอะจังไม่อยู่แล้ว ทุกคนก็เข้มแข็งขึ้น เหมือนกับว่า ''ถ้าไม่จริงจังก็คงไม่ได้การแล้ว''ค่ะ ตอนนี้ทีมSน่ะสุดยอดไปเลย ตอนนั้นฉันคิดว่า ''Sเนี่ยมีความสามัคคีกันสุดๆ'' ค่ะ ตอนนี้เรียวฮะก็เป็นลีดเดอร์ของSแล้ว มีตัวอย่างเป็นซาเอะจังค่ะ อากาเนะ : ช่วงปี2015ที่นากานิชิ(ยูกะ)ซัง,มิเอะปี้(ซาโต้ มิเอะโกะ),ไอริ จบการศึกษาหรือเปล่านะ เพราะคนที่สนิทกันแม้ในชีวิตประจำวันทุกคนจะไม่อยู่แล้วนี่คะ ตอนนั้นก็คิดว่า ''หรือจะจบไปพร้อมไอริเลย'' ดี ''หรือพร้อมเรนะซัง'' ดีค่ะ ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ว่าทุกๆคนน่ะตัดสินใจได้แล้วนี่คะว่าอยากจะทำอะไรต่อไป ด้วยคำคำนั้น ฉันเลยตระหนักได้ค่ะว่า ''ฉันน่ะยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก'' ค่ะ ก่อนหน้า(ที่ทุกคนจะแกรด)นั้นฉันเป็นฝ่ายที่คอยแต่พึ่งพาอาศัย ถึงแม้ว่าอะไรแบบนั้นจะต้องจบลง ฉันก็ตัดสินใจว่าจะอยู่SKEต่อไปค่ะ แต่ว่า ตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มได้ยินแฟนๆพูดว่า ''SKE48กำลังอยู่ในช่วงขาลง''ค่ะ จูรินะ : ได้ยินอยู่... แต่ว่า พอได้ยินสองคนนั้น(นิชิชิ/มิเอะปี้)พูดออกมาว่า ''การจบการศึกษาในตอนนี้สำหรับพวกเรา คือหมายถึงการทุ่มเทของทุกคนนะ ดังนั้นก็เลยต้องเป็น''ตอนนี้''ไง ถึงแม้ว่าจะอยากอยู่ต่ออีกหน่อยก็เถอะ...'' นั่นทำให้เรารวมพลังกันเป็นหนึ่งเดียวได้ค่ะ อากาเนะ : อยากจะแสดงให้เห็นค่ะว่า ไม่ใช่ว่า ''เพราะใครบางคนจบ วงก็เลยจบ'' ช่วงเวลาที่เคยมีอยู่เหล่านั้นน่ะ ตอนนี้ฉันสัมผัสได้ถึงการเริ่มก้าวขึ้นไปอีกครั้งแล้วค่ะ

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] 181019 MAiDiGi TV / ทอร์คอีเวนท์คัมภีร์เสื้อผ้า SKE48

181019 MAiDiGi TV / ทอร์คอีเวนท์คัมภีร์เสื้อผ้า SKE48



Q : สุดท้ายนี้ ผมอยากจะถามเรื่องที่นอกเหนือจากSKE48บ้าง ซิงเกิ้ลล่าสุดของAKB48อย่าง Sentimental Train เพลงนี้นอกจากสุดะซัง มัตสึอิจูรินะซัง แล้วก็ยังมีเมมเบอร์SKE48เข้าร่วมอีกหลายคนเลย ในฐานะที่มีเมมเบอร์SKE48เข้าร่วมเยอะมาก คายาโนะ(ชิโนบุ)ซัง ได้มีการออกแบบโดยอิงจากอิมเมจของSKEบ้างไหมครับ?

ชิโนบุ : ฉันเขียนลงไปในหนังสือแล้วก็จริงนะคะ แต่ชุดลายตารางสีเหลืองที่ปรากฎในMVนั่น ก็เพราะว่าจูรินะและดาสุเป็นที่1ที่2 ฉันเลยอยากให้สีของSKEนั้นเด่นชัดขึ้นมาค่ะ ดีไซน์เป็นชุดนักเรียนแบบ Classical ส่วนสีเหลือและเขียวก็เป็นเทรนด์สีที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวประจำปี2018 ฉันตั้งสองสิ่งนั้นเป็นเมน แล้วออกแบบโดยให้ความสำคัญกับความเป็นSKEค่ะ แล้วโลเคชั่นก็ดูเป็นอนาคตหน่อยๆ ก็เลยคิดว่าหากทำให้สัมพันธ์กันได้ก็คงจะดีนะ ชุดสีเหลือลายตารางที่อยู่ในMVนั้น จึงเป็นชุดที่สื่อถึงความเป็นSKEค่ะ One-Two Finish (ที่มาจากวงเดียวกัน)แบบนี้ ไม่มีมาซักพักแล้วด้วยแหละ

อาการิน : ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นคือมาจากวงน้องด้วย

ชิโนบุ : จริงสิ ตอนที่ถ่ายMVน่ะ พอได้ยินสตาฟพูดว่า ''พาคนที่ดูเหมือนจูรินะสุดๆมาด้วยล่ะครับ'' ฉันยังพูดเลยว่า ''ไม่ ไม่มีทางมี(คนแบบนั้น)แน่นอน'' ถึงจะคิดว่ายังไงก็ใช้ไม่ได้แน่ๆ แต่กลายเป็นว่ารูปร่างน่ะเหมือนสุดๆไปเลยเนอะ? 

อาการิน : ใช่แล้วล่ะค่ะ 

ชิโนบุ : เหมือนจนฉันยังคิดเลยว่า ''ไปหามาจากไหนกันเนี่ย''

อาการิน : แบบว่า ด้านหลังน่ะ

ชิโนบุ : ใช่มั้ยล่ะ เหมือนจนฉากที่จูรินะกับดาสุต้องอยู่ด้วยกันฉันยังแบบ ''เอ๊ะ?'' เลย

อาการิน : อื้ม ใช่แล้วล่ะค่ะ แบบว่ายังไงดี ถึงตัวเธอจะไม่อยู่ก็ตาม แต่เพราะใส่ความเป็นSKEลงไปอย่างมาก ฉันหมายถึง ไม่ใช่แค่ความเป็นSKEแต่รวมไปถึงความเป็นจูรินะซังด้วยน่ะค่ะ ในบรรดากลิ่นอายเหล่านั้น ฉันเองก็คิดว่า เรื่องเสื้อผ้าก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันเนอะ   






Q : ในรายการเพลงทางTVจูรินะซังก็ไม่ได้ปรากฎตัวตั้งแต่ครั้งแรกด้วย แต่แน่นอนว่าชุดของจูรินะซังต้องมีการออกแบบไว้แล้ว ในวันที่จูรินะซังกลับมา นับได้ว่าชุดของ Sentimental Train นั้นสมบูรณ์สักที
อยากทราบความรู้สึกของคายาโนะซังตอนที่ได้เห็นจังครับ

ชิโนบุ : ปกติแล้วเวลาออกแบบฉันจะออกแบบให้สัมพันธ์กับอันดับเลือกตั้ง ดีไซน์ของอันดับ1, อันดับ2และ3, อันดับ4ถึง7 เพราะมีการออกแบบให้สำหรับลำดับที่1อยู่แล้ว ถึงจะลังเลในตอนแรกก็ตาม แต่ก็ส่งไลน์ไปบอกจูรินะค่ะว่า ''มีดีไซน์ของอันดับที่1ไว้แล้วนะ'' แต่เพราะเธอเป็นคนที่ทำงานหนักมาตลอด หากฉันบอกอะไรไปในทำนองว่า ''ฉันจะรอนะ'' ในสถานการ์ณที่สภาพร่างกายของเธอไม่สมบูรณ์ล่ะก็อาจจะทำให้กดดันค่ะ ก็เลยบอกไปว่า ''เมมเบอร์SKEกำลังรออยู่นะ ทุกๆคนกำลังตั้งใจเต็มที่จนกว่า(จูรินะ)จะสามารถกลับมาได้'' ''ดังนั้นแล้วสบายใจได้! ชุดก็มีแล้ว ท่าเต้นก็มีแล้ว พักผ่อนให้สบายใจ พอหายดีแล้วค่อยกลับมานะ'' แต่ฉันน่ะคิดว่าจะนานกว่านี้เสียอีกนะคะ โชคดีจังเลยค่ะที่เธอได้กลับมาที่เวที Music Station อย่างปลอดภัย ตอนที่กำลังจัดทำหนังสือเล่มนี้ ฉันเคยคิดค่ะว่า ''สักครึ่งปีจะหายหรือเปล่านะ'' ด้วยล่ะค่ะ แต่ดีมากเลยค่ะที่เธอกลับมาปรากฎตัวได้แล้ว วันนั้นน่ะ เธอตื่นเต้นมากๆอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยเนอะ? 

อาการิน : ค่ะ โอจูริจังตื่นเต้นสุดๆไปเลย

ชิโนบุ : เอาแต่จับมือ(อาการิน)ไว้ตลอดเลย 

อาการิน : จับมือที่ชื้นเหงื่อนั้นไว้ตลอดเลยค่ะ 555 

ชิโนบุ : เนอะ ไม่ค่อยได้เห็นเลย ปกติแล้วเธอจะไม่แสดงท่าทางตื่นเต้นให้พวกเราเห็น

อาการิน : ใช่แล้วค่ะ เป็นรุ่นพี่ที่ตั้งใจทำงานมาเสมอโดยที่ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเลย แต่หลังจากพักไปนี่เหมือนว่าเธอจะเริ่มเกิดความคิดว่าถ้าไม่เอาแต่ใจตัวเองล่ะก็คงจะไม่ไหว ก็เลยกลายเป็นคนขี้อ้อนไปแล้วค่ะ แต่ว่าสำหรับพวกเราน่ะ ที่จนถึงตอนนี้ไม่ค่อยจะเป็นฝ่ายถูกอ้อนเท่าไหร่ การที่ได้เอาอกเอาใจเธอก็เลยทำให้พวกเรามีความสุขค่ะ เหมือนว่า นี่เป็นโอกาสที่จะทำให้รู้สึกถึงความเป็นSKEอีกครั้งรึเปล่านะ ค่ะ  



Q : ขอบคุณมากครับ วันที่ต้นฉบับหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมาตรงกับวันที่จูรินะซังไปออกรายการ Music Station พอดี สุดท้ายแล้วคายาโนะซังได้รับคอมเมนท์จากจูรินะซังที่นั่นเลยใช่ไหมครับ?

ชิโนบุ : อ๋า จริงสิ ตรงนั้นน่ะจูรินะตื่นเต้นเอามากๆเลยค่ะ ฉันคิดว่าหากทำให้เธอคลายความตื่นเต้นได้ก็คงจะดี ก่อนจะแก้ไขรอบสุดท้าย ก็เลยบอกเธอว่า ''จูรินะ นี่ความลับนะ'' แล้วก็เอามันให้เธอดูค่ะ เธอพูดว่า ''ว้าว เยอะมากเลย'' แล้วก็ ''ว้าว ฉันเดี่ยวๆเลยนี่'' ''ทำยังไงเหรอ? ฉันไม่ได้ไปถ่ายสักหน่อยนี่นา~'' ฉันเลยบอกไปว่า ''จริงสิ อันนี้น่ะไปขอมาจากAVEX รูปตอนจูรินะถ่ายปกซิงเกิ้ลไง'' เธอก็บอกมาค่ะว่า ''ว้าว สุดยอดไปเลยเนอะ'' ดังนั้นฉันเลยขอว่า ''ตรงนี้ต้องใส่คอมเมนท์ลงไปด้วยนะ ถ้าจะให้ตอบตอนนี้จะได้มั้ย?'' เธอก็ตอบว่ามา ''ตอบได้สิ!'' ค่ะ 555 ดังนั้นก็เลยได้รับคอมเมนท์ตรงนั้นแล้วก็รีบส่งไปเลยค่ะ แต่ว่านะ ถึงฉันจะบอกจูรินะไปว่า ''เป็นความลับ'' ก็เถอะ แต่หลังจากนั้นฉันก็เอาไปให้ดาสุดูต่อทันทีเลยค่ะ

อาการิน : จุ๊ๆ~ แต่ว่านะคะ ยังไงเรื่องที่เอาไปให้จูรินะซังดูเป็นคนแรกก็ไม่เปลี่ยนไปซะหน่อย

ชิโนบุ : ใช่แล้ว เอาแต่พูดว่า ''ดูสิๆ เล่มสมบูรณ์แล้ว~'' ''สุดยอดไปเลย''   

อาการิน : ถ้าอ่านคอมเมนท์โดยด้วยความรู้สึกว่า นี่เป็นคอมเมนท์ในวันที่เธอกลับมาแบบสดๆร้อนๆเลยนะ ความรู้สึกจะต้องต่างออกไปแน่นอนค่ะ 

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] 181016 ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ทาคายานางิ อากาเนะ,ไซโต้ มากิโกะ,โอบะ มินะ จาก zakzak.co.jp

*ตัดมาเฉพาะส่วนที่พูดถึงจูรินะ*
**ไม่ได้แปลตรงจากญป. โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่ะ ฮาาาา**




Q : มัตสึอิจูรินะซังที่พักงานไปนานก็กลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายจะยังไม่กลับมาสมบูรณ์ ทุกๆคนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนอะไรกับจูรินะซังบ้าง?

มากิโกะ : ฉันได้เจอเธอก่อนหน้าที่เธอจะไปขึ้นสเตจเพื่อแจ้งข่าวการกลับมาค่ะ ในขณะที่เรากำลังซ้อมเพลง Glory Days เพื่อขึ้นคอนรีเควสอยู่ จู่ๆจูรินะซังก็เข้ามา พร้อมกับร้องเพลงนั้นไปด้วยค่ะ อารมณ์เหมือนว่า ''ตัวจริงมาแล้วจ้าาา'' ค่ะ (หัวเราะ) 


Q : เหมือนพวกรายการก็อปปี้โชว์(หัวเราะ)

มากิโกะ : ประมาณนั้นเลยค่ะ ทั้งดีใจด้วยอะไรด้วย ถึงแม้ว่าสีหน้าจะดูดีขึ้นมากก็ตาม แต่เหมือนว่าความกังวลที่ต้องไปยืนต่อหน้าแฟนๆที่ไม่ได้พบมานานจะมากเกินไป เธอเลยบอกว่า ''ฉันมาเพื่อขอให้ทุกคนทำให้ฉันคลายความตื่นเต้นน่ะ'' ฉันเองก็กอดเธอไว้ บอกเธอว่า ''ยินดีต้อนรับกลับนะคะ'' แล้วก็ไปส่งเธอค่ะ

อากาเนะ : ส่วนฉัน ถึงจะได้คุยกับเธอแค่นิดหน่อยก่อนที่จะขึ้นไปทักทายแฟนๆ แต่เธอก็พูดออกมาว่า ''SKE48เนี่ย เป็นที่ที่เบาใจได้จริงๆ'' พอได้ยินเธอพูดว่า ''ช่วงที่พักงานไปก็มีเรื่องให้คิดมากมาย แต่ฉันเลิกเป็นSKE48ไม่ได้ ฉันน่ะชอบSKE48จริงๆ อยากจะตั้งใจพยายามไปในที่แห่งนี้'' แล้วก็เหมือนจะร้องไห้เลยค่ะ 

มินะ : ฉันได้คุยกับเธอเมื่อตอนMusic Station(วันที่7กันยา) วันนั้นเธอตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาเลย ทั้งตอนซ้อมและตอนสแตนบายก็ไม่ยอมอยู่ห่างเมมเบอร์SKE48เลยค่ะ ''ถ้าตื่นเต้นขนาดนี้อาจจะเต้นไม่ออกก็ได้ ทำยังไงดี'' พอเธอพูดแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจูรินะซังเป็นแบบนี้เลย

มากิโกะ : ไม่ได้ออกมายืนต่อหน้าผู้คนเลยตั้งเกือบ3เดือนแล้วต้องมาออกรายการทั่วประเทศเลย ต้องกลัวมากๆอยู่แล้วแหละ

มินะ : ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าฉันเองก็ตื่นเต้น ระหว่างนั้นก็เลยเปลี่ยนท่าทางตัวเองใหม่ ทำเป็นเหมือนเรื่องปกติค่ะ บอกไปว่า ''ใช่แล้วล่ะ จูรินะซัง มีคนกำลังดูอยู่ทางTVเยอะเลย! เพราะงั้นแล้ว มาสนุกไปด้วยกันเถอะ!'' รึเปล่านะ(หัวเราะ) เพราะงั้น ใบหน้าของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม เธอบอกว่า ''นั่นสินะ ถ้าไม่สนุกสนานร่าเริงล่ะก็ไม่ได้การแน่'' แต่ว่านะ ตอนออกอากาศคงจะตื่นเต้นอย่างที่คาดไว้ หลังจากจบรายการแล้วร่างกายก็เลยเหมือนหมดพลังไปเลยค่ะ

อากาเนะ : สมัยก่อนเธอเป็นคนที่ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็นค่ะ ตอนนี้ก็ยอมแสดงด้านนั้นให้เห็นแล้ว ในทางกลับกันคือเธอรู้สึกวางใจแล้วรึเปล่านะ

มินะ : เข้าใจ(ความรู้สึกนั้น)เลย! รู้สึกว่า เป็นที่พึ่งได้แล้วรึเปล่านะเนี่ย ค่ะ

อากาเนะ : แต่ว่านะ พอถึงเวลาที่ต้องไปยืนบนเวทีจริงๆแล้วก็เหมือนเปิดสวิตช์เลยล่ะ แบบว่า แว้บ ''คนที่ตื่นเต้นๆอยู่จนถึงเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ?'' เลยล่ะค่ะ(หัวเราะ) ก็แบบว่า นี่สินะโปร~ คิดมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วค่ะ เพราะว่าเธอเปลี่ยนไปจริงๆค่ะเมื่อได้ยืนบนเวที   

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] นิตยสารแฟลช ประจำวันที่ 23 ตุลาคม 2018 บทสัมภาษณ์มัตสึอิจูรินะ


J : จะแสดงให้เห็นถึง 'กราเวียร์ของมัตสึอิจูรินะ' ที่แฟนๆทุกคนคิดถึงเองค่ะ!

ก่อนที่จะถึงงานเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมิถุนายน เธอคนนี้ให้สัญญาเอาไว้ว่าหากได้เป็นที่หนึ่งจะกลับมาถ่ายกราเวียร์กับเรา ใน 'งานเลือกตั้ง AKB48 World Senbutsu' ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบปีที่10 และเธอ คือมัตสึอิจูรินะผู้คว้าอันดับที่หนึ่งมาได้ จากการลงเลือกตั้งเป็นครั้งที่10 แต่ทว่า ด้วยปัญหาทางด้านสุขภาพ จึงจำเป็นต้องพักกิจกรรมไปมากกว่า2เดือน MVเพลงใหม่ที่เธอได้เป็นเซนเตอร์อย่าง Sentimental Train ก็ถูกแทนที่ด้วยภาพวาดและCG ความว่างเปล่านั้นทำให้แฟนๆกระวนกระวายใจไม่น้อย แต่ในที่สุด เธอคนนี้ก็ได้กลับมาในสภาพที่สมบูรณ์ กลับมาเปล่งประกาย และรักษาสัญญาที่ให้ด้วยผลงาน 'กราเวียร์ของมัตสึอิจูรินะ ที่แฟนๆทุกคนคิดถึง'

J : วันนี้สนุกมากเลยค่ะ! ได้กลับมาด้วยการถ่ายทำแบบนี้ ค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นแล้วล่ะค่ะ 

ช่วงเวลาก่อนที่จะกลับมานั้นกินเวลามากกว่าสองเดือน เธอจะกำลังคิดอะไรอยู่บ้างนะ

J : ตลอดเวลาที่ยังกลับมาไม่ได้ฉันรู้สึกผิดต่อทั้งแฟนๆและเมมเบอร์มากค่ะ แต่ว่า ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ต่อไปก็อาจจะมีเรื่องให้ทุกคนต้องตื่นเต้นตกใจกันอีก แต่นั่นเป็นเพราะฉันชอบทำให้แฟนๆดีใจ หรือไม่ก็ประหลาดใจค่ะ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะคะ จริงด้วย! ช่วงที่พักอยู่ฉันแต่งเพลงด้วยล่ะค่ะ เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับSKE48ในตอนนี้น่ะค่ะ พอได้ดูวิดิโอพิเศษที่แถมมากับซิงเกิ้ลแล้วไอเดียมันก็เอ่อล้นออกมาเลย(หัวเราะ) หากวันใดวันนึงได้โชว์ให้ทุกคนดูได้ก็ดีน่ะสิเนอะ เดือนตุลาคมSKE48ก็จะครบรอบ10ปี โชคดีจังค่ะที่กลับมาได้ตรงเวลาพอดี 

หลังจากที่ได้รับอันดับหนึ่งในงานเลือกตั้ง ก็มีเรื่องที่อยากจะทำสินะ

J : เพราะสุดะอาการิจังได้อันดับที่สอง SKE48เลยได้เป็น OneTwo Finish ค่ะ ด้วยความแข็งแกร่งนี้ เราอยากจะทำกิจกรรมให้มากขึ้นทั้งที่โตเกียวและนาโกยะในฐานะSKE48ค่ะ แล้วก็จะพลาดพาเหรดที่นาโกยะที่เคยสัญญาเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ! อยากจะเปิดเพลงของSKE48ไปด้วย อยากจะทำให้หรูหราสุดๆไปเลยค่ะ 

หญิงสาวผู้เป็นหน้าตาในฐานะของเซมบัตสึเมมเบอร์ของAKB48 มีความทะเยอะทะยานนี้อยู่ในกำมือ

J : เป้าหมายต่อไปก็คือ การได้กลับไปยืนบนนาโกยะโดมในฐานะSKE48 และยืนบนโตเกียวโดมในฐานะAKB48ค่ะ ไม่มีทางยอมแพ้ต่อฝันนี้เด็ดขาดค่ะ 

เพลง Sentimental Train ที่ถูกขับร้องด้วยเซมบัตสึเมมเบอร์จากการเลือกตั้ง16คน ในรายการเพลงที่ออกอากาศในช่วงที่พักกิจกรรม ก็มีครั้งที่เอาถ้วยรางวัลมาตั้งแทนตำแหน่งที่เธอควรจะยืนด้วย

J : มันน่าเจ็บใจค่ะที่ต้องพักงานไปอย่างช่วยไม่ได้ ตอนแรกก็เลยคิดไว้ว่าการไม่ดูMVน่าจะดีกว่ามั้ยนะ แต่สุดท้ายแล้วก็ดูจนได้ค่ะ ตกใจมากเลยที่ฉันกลายเป็นเหมือน HATSUNE MIKU ซะอย่างนั้น 
เพราะมีการใช้ฟุตเทจเมื่อ7ปีก่อนอยู่นิดนึงด้วย มันทำให้ฉันได้ลิ้มรสถึงความคิดถึงเรื่องราวของอดีต และความสดใหม่ของปัจจุบันไปพร้อมกันค่ะ 

ช่วงเวลาที่พักกิจกรรมไปนี้ จูรินะคิดว่าตัวเองมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหมนะ

J : ช่วงที่พักไปน้ำหนักขึ้นมา5กิโลค่ะ(หัวเราะ) แต่ว่า วันนี้ได้รับคำชมจากทุกคนที่นี่ค่ะว่า 'แบบนี้ก็ดีแล้วนี่' เลยรู้สึกไขว้เขวไปเลยล่ะค่ะ รูปร่างแบบนี้น่ะดีเวลาถ่ายกราเวียร์ก็จริง แต่ในฐานะไอดอลที่ต้องเต้นแล้วล่ะก็ ถ้าไม่ลดลงสัก2กิโลไม่ได้แน่เลยค่ะ ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ แต่กำลังเริ่มการทำ Long Breathe Diet อยู่ค่ะ ลำบากมากเลยล่ะค่ะ! แต่ก็ได้ไปเรียนกับคุณครูมาแล้ว ก็เลยว่าจะทำต่อไปค่ะ แล้วก็ทำอาหารเก่งขึ้นด้วย ได้มีโอกาสทำอาหารกับคุณแม่เยอะขึ้นเลยค่ะ ก่อนที่จะพักไปได้ทำอาหารบ้างก็จริง แต่(ตอนนี้)ชำนาญขึ้นแล้วล่ะค่ะ พอได้พัก ก็เลยไม่มีเรื่องที่ต้องคิด ในหัวก็เลยว่าง ความคิดก็หมุนเวียนง่ายขึ้น แล้วก็อยากจะมีความเป็นผู้หญิงให้มากขึ้นด้วยค่ะ

จูรินะที่ทั้งสดใสและเป็นธรรมชาติตลอดการถ่ายทำและให้สัมภาษณ์นั้น ถึงเธอจะพูดว่าสภาพร่างกายยังไม่กลับมาเหมือนเดิมก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าเธอกำลังอยู่ในขั้นพัฒนา และก้าวเดินต่อไปในฐานะของQueen




ญี่ปุ่น-เกาหลี :@Ruiring632
เกาหลี-ไทย  : EARN

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] หนึ่งร้อยเปอร์เซน เอสเคอีโฟร์ตี้เอท เล่มห้า บทสัมภาษณ์มัตสึอิจูรินะ

จะไม่จบแค่ที่10ปี จากนี้ไปสิคือการเริ่มต้นของจริง
มัตสึอิจูรินะ(รุ่น1)



การหวนคืนสู่ตำแหน่ง
หากคนที่ขับร้องไม่ใช่ฉันเองล่ะก็นะ

Q : เซนเตอร์ Ikinari Punchline คือจูรินะซังสินะครับ!
A : ใช่แล้วค่ะ! นานพอดูเลยนะคะเนี่ย!

Q : ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ?
A : ไม่คิดเลยค่ะ คิดไว้แค่ว่าอาจจะเป็นยูนานะ(โอบาตะยูนะ)รึเปล่าน้า 

Q : รู้เรื่องนี้ตอนไหนเหรอครับ?
A : รู้ตอนที่อยู่เกาหลีค่ะ เหมือนจะรู้เพราะว่าเมมเบอร์ส่งคลิปวิดีโอมาบอกว่า 'วันนี้มีประกาศเซมบัตสึล่ะค่ะ' หรือเปล่านะ? ตกใจมากเลยล่ะค่ะ เพราะคิดไว้ว่าการจะกลับมาเป็นเซนเตอร์ที่SKE48อีกครั้งคงจะอีกสักระยะ เลยมีคิดไว้ว่าอีกทีอาจจะเป็นตอนจบการศึกษาเลยรึเปล่านะ 

Q : เป็นเพลงแบบไหนเหรอครับ?
A : เป็นเพลงที่มีท่าเต้นออกแนวค่อนข้างเร่าร้อนค่ะ เพราะเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกเท่ๆหน่อย เลยอยากให้ได้ดู MV กันไวๆค่ะ! เนื้อเพลงพูดในมุมมองของผู้ชาย ที่อยากจะครอบครองผู้หญิงคนนึง แต่ผู้หญิงก็ไม่หันมามองเลย เพราะงั้นจู่ๆผู้ชายคนนั้นก็เลยปล่อยหมัดเด็ดออกมา ประมาณว่าอยากจะครอบครอง.. อะไรแบบนี้น่ะค่ะ

Q : ดังนั้นแล้ว ก็เลยชื่อเพลง Ikinari Punchline สินะครับ แล้ว MV ล่ะเป็นยังไงครับ?
A : เต้นกันไม่ได้หยุดเลยล่ะค่ะ ชุดมีทั้งชุดสีแดงวิบวับ กับชุดสีขาวแบบหญิงสาวค่ะ ตอนถ่ายเดี่ยวก็โดนบอกว่า 'เต้นฟรีสไตล์ไปเลยนะครับ' ด้วยค่ะ ตอนถ่ายฉากลิปซิงค์ก็ใส่แรงลงไปมากกว่าปกติเลยล่ะค่ะ

Q : เป็นการเต้นในสไตล์SKE48สินะครับ
A : ใช่แล้วล่ะค่ะ มีซีนที่ราดของเหลวสีทองๆลงบนหัวไหล่กับมือด้วย สนุกมากเลยค่ะ จริงสิ! ผกก.คราวนี้เป็นคนไอจิด้วยล่ะค่ะ เขาก็มีชวนคุยกับเมมเบอร์เรื่องบ้านเกิด ทำให้บรรยากาศสนุกขึ้นมากเลยค่ะ เพราะคนนาโกยะก็จะชอบคนนาโกยะนั่นเองค่ะ 

Q : เพราะหนทางสู่ปีที่10ของSKE48อยู่ตรงหน้า เลยยิ่งใส่พลังกันเลยสิครับ?
A : ใส่พลังลงไปเยอะมากค่ะ ส่วนมากจะใช้เวลาเรียนท่าเต้นครั้งแรกกัน4ชม. แล้วก็ซ้อมให้เป๊ะกันอีก2-3ชม. รวมแล้วก็ประมาณ7ชม.ค่ะ แต่คราวนี้ใช้เวลาเรียนท่ากัน5ชม. แล้วก็บวกเพิ่มไปอีก2ชม.ค่ะ พอรวมกันส่วนที่ซ้อมให้สมบูรณ์แบบ ก็เกิน10ชม.ไปเลยล่ะค่ะ 

Q : ทุ่มเทแรงกายแรงใจเลยสินะครับเนี่ย?
A : โชคดีที่ไม่มีใครที่ตามไม่ทันเลยค่ะ ทั้งท่าเต้นและตำแหน่งยืนน่ะยากมาก หากแยกแถวออกไปเป็นแนวทแยงได้ไม่ตรงเป๊ะๆล่ะก็ไม่ได้เลยล่ะค่ะ เพราะงั้นนอกจากท่าเต้นก็ต้องบวกตำแหน่งยืนเข้าไปอีก เลยใช้เวลานานค่ะ

Q: เห็น Avex บอกว่า ทางเขาเต็มที่ทั้งการถ่าย MV และถ่ายปกเลยนะครับ เสื้อผ้าก็ทุ่มเทกับเวลาทำ ทั้งการแต่งหน้าก็เรียกได้ว่าร่วมแรงกันเลยทีเดียว
A : คงเป็นเพราะว่าใกล้จะครบ10ปีสินะคะ การร่วมแรงร่วมใจนั้นเมมเบอร์อย่างเราก็สัมผัสได้ค่ะ เลยรู้สึกดีใจมากเลย ต้องขอบคุณจริงๆค่ะที่ลงแรงกับSKE48(หัวเราะ) ช่วงนี้ก็ทั้งจัดคอนเสิร์ตให้ เสื้อผ้าใหม่ๆก็เยอะขึ้นด้วยค่ะ

Q : ถ้าชุดนี้ได้เอาไปให้ตุ๊กตามีมี่จังใส่ก็คงจะดีนะครับ นาโกยะคงจะคึกคักขึ้นมาเลย 
A : ถ้างั้นก็ดีน่ะสิคะ!

มีมี่จังที่นาโกยะค่ะ


Q : พอพูดถึงนาโกยะแล้ว ได้คุยกับท่านนายกเทศมนตรี คาวามูระ ทากาชิด้วยสินะครับ
A : ใช่แล้วค่ะ ท่านถามมาว่า 'หลังงานเลือกตั้งจบอยากจะทำอะไร?' ค่ะ เลยขอร้องไปว่า 'หากได้ที่1ล่ะก็ช่วยจัดพาเหรดให้ด้วยเถอะนะคะ' บอกไปแบบนั้นท่านก็ตอบมาค่ะว่า 'ดีเหมือนกันนะ!' ดูท่าทางท่านคงจะหาที่ว่างๆในเมืองที่พอจะจัดพาเหรดให้ได้ค่ะ บอกมาว่า 'พาเหรดครั้งที่1ให้เป็นSKE48เถอะ' ค่ะ

Q : นั่นสุดยอดไปเลยนะครับ ก่อนทีม Chunichi Dragons อีก
A : หากได้เชียร์ทีม Dragons ไปด้วยจะต้องสนุกขึ้นแน่เลยค่ะ!

Q : นั่นสินะครับ(หัวเราะ) แต่ว่า ชุดวิบวับสีแดงนี่หากได้อยู่ในขบวนพาเหรดจะต้องสุดยอดแน่ๆ!
A : เยี่ยมเลย!

Q : หากจะถามอะไรให้เข้ากับชื่อเพลงล่ะก็ ไม่ทราบว่าได้คุยกับโอบาตะซังหรือยังครับ?
A : ยังไม่ได้คุยกันจริงจังเลยค่ะ ก็สงสัยอยู่ว่าเธอจะคิดยังไงนะคะ เรื่องน่าดีใจก็คือ ตอนที่ชูริได้ฟังเพลงนี้แล้วพูดว่า 'นี่คือเพลงของจูรินะซัง' ค่ะ 
(ทาคายานะงิที่อยู่แถวนั้นเข้ามาใกล้โดยบังเอิญพอดี)
ชูริ : จริงๆแล้วฉันพูดว่า 'พอได้ฟังเพลงแล้ว เซนเตอร์จะต้องเป็นจูรินะซังเท่านั้น!' ต่างหากล่ะคะ คนอื่นไม่ไหวหรอค่ะ! ไม่สิ จะบอกว่าไม่ไหวก็จะเกินไปหน่อย จะให้พูดยังไงดี...
J : แค่ J คนเดียวเท่านั้น (หัวเราะ) 
ชูริ : ฉันว่าเซนเตอร์เพลงนี้ดูจะเหมาะสมกับคนที่ลุคดูผู้ใหญ่หน่อยค่ะ 


จำเป็นต้องตั้งเป้าหมาย 
และเตรียมพร้อมมุ่งสู่ฝันครั้งใหม่


Q : SKE48กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่10แล้ว อยากจะให้วงเป็นไปในทิศทางไหนครับ?
A : SKE48น่ะ หากให้พูดถึงความฝันหรือเป้าหมายของตัวเองโดยที่ไม่ต้องเกรงใจกันนั้น ทุกคนจะมุ่งไปยังเป้าหมายเดียวกัน ฉันคิดว่า 'นี่แหละคือSKE48' ค่ะ ฉันคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่จะพูดแทนสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคนได้ค่ะ มันจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนมั้ยนะ หากจะให้พูดอย่างเป็นรูปธรรมล่ะก็ ก็คือการได้ยืนบนนาโกยะโดมตอนครบรอบ10ปีค่ะ แต่ว่า หากเราบรรลุผลเรื่องนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่า แล้วต่อจากนั้นล่ะจะเป็นยังไง หากไม่ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนต่อไปล่ะก็ไม่ได้การแน่ๆค่ะ ฉันคิดว่าครบรอบ10ปีนี่แหละคือการเริ่มต้นของจริง อยากจะค้นหาความฝันหรือไม่ก็เป้าหมายใหม่ค่ะ 

Q : ผมคิดว่า การได้จัดคอนเสิร์ตที่นาโกยะโดมเมื่อ4ปีก่อนนั้น ไอ้ความรู้สึกที่ว่าได้บรรลุเป้าหมายเนี่ย ส่วนหนึ่งก็มาจากการยอมรับของเมมเบอร์สินะครับ 
A : ฉันก็คิดแบบนั้นนะคะ

Q : กลายเป็นว่าตั้งเป้าหมายเอาไว้เป็นนาโกยะโดมสินะครับ
A : ใช่แล้วค่ะ ถึงจะบอกว่า ก็เคยยืนบนนาโกยะโดมแล้วนี่ ก็ตาม แต่ฉันก็คิดว่านั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด อยากจะทำโดมทัวร์ด้วยค่ะ เพราะอยากให้คนในหลายๆที่ได้พบกับSKE48 คำว่าเป้าหมายใหม่เนี่ย ไม่จำเป็นต้องมีแค่ข้อเดียวนี่คะ โดมทัวร์ก็ดี การได้กลับไปขึ้นงานขาวแดงก็ดีเหมือนกันค่ะ หากได้เคลียร์ไปทีละอย่างได้ก็คงจะดีนะคะ หากไม่มีเป้าหมายแบบนั้นล่ะก็ แฟนๆก็คงจะคิดว่า 'SKE48กำลังมุ่งไปสู่อะไรกันนะ' 'นี่เรากำลังเชียร์พวกเธอไปเพื่ออะไร' แน่ๆเลยค่ะ นั่นไม่ใช่แค่เพราะว่าฉันชอบSKE48 แต่ฉันคิดว่าเพราะเป้าหมายเหล่านั้นเป็นสิ่งล้ำค่าที่เราจะบรรลุมันไปพร้อมๆกับแฟนๆได้ค่ะ

Q : ในกรุ้ปก็จะแบ่งเป็นคนที่ตั้งเป้าหมายและไม่ตั้งเป้าหมาย ช่วงเวลาหลายปีผ่านมานี้ การไม่ตั้งเป้าหมายกลายเป็นเทรนด์ไปเสียแล้ว คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ?
A : ฉันเป็นประเภทตั้งเป้าหมายนะคะ ฉันคิดว่านั่นทำให้เราสามัคคีและคึกคักขึ้นมาได้ค่ะ การที่บรรลุเป้าหมายได้มันน่าดีใจออกไม่ใช่เหรอคะ? มันไม่ใช่แค่การไปยืนบนโดม แต่เป็นการไปยืนบนสถานที่ที่เป็นเป้าหมายได้ต่างหากค่ะ ความประทับใจต้องยิ่งใหญ่กว่าอยู่แล้ว ฉันน่ะอยากที่จะมีความสุขและสนุกไปกับทุกๆคนค่ะ ดังนั้นแล้วการตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องจำเป็นนะคะ 

Q : เพราะเป็นคนที่ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เลยยึดถือไปแล้วว่าเส้นชัยไม่ใช่แค่นาโกยะโดมสินะครับ
A : ฉันก็กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ค่ะ แต่ก็คิดแหละค่ัะว่านาโกยะโดมต้องไม่ใช่จุดจบ ว่าตามจริงแล้วฉันอยากจะทำให้เราเป็นวงที่จัดโดมทัวร์ได้ค่ะ ก่อนอื่นเลยสิ่งที่ต้องทำคือการได้กลับไปยืนบนนาโกะยะโดมของSKE48 หากเรามีพาวเวอร์ขนาดนั้น ฉันคิดว่าเราก็น่าจะสามารถจัดในสถานที่อื่นๆได้เช่นกันค่ะ 


ปรีดาในฐานะไอดอล
หว้าเหว่ในฐานะมนุษย์ 


Q : ต่อไปไม่ใช่เรื่องกรุ้ปแล้ว มาคุยเรื่องส่วนตัวกันดีกว่าครับ การที่จะทำให้กลุ่มแข็งแกร่งได้ตัวเราเองก็ต้องแข็งแกร่งด้วย จูรินะซังมีออพชั่นอะไรที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้บ้างครับ?
A : ก็ทั้งงานเลือกตั้งทั่วไปด้วย แล้วก็อยากจะเป็นเซนเตอร์ในซิงเกิ้ลของAKB48ค่ะ

Q : แปลว่าไม่ใช่แค่ซิงเกิ้ลที่จะขายในเดือนกันยาเท่านั้นสินะครับ
A : ค่ะ เป็นเรื่องที่เพิ่งจะคิดเมื่อไม่นานนี้ก็จริงค่ะ แต่ฉันเริ่มต้นมาจากการได้เป็นเซนเตอร์ในซิงเกิ้ล 'Oogoe Diamond' ของAKB48ใช่ไหมล่ะคะ? ก็มีคิดว่า คำว่าเซนเตอร์คืออะไรกันนะ แล้วก็ลองสังเกตุผู้คนหลายๆประเภทที่ได้เป็นเซนเตอร์ค่ะ เหล่ารุ่นพี่ยืนอยู่ในจุดนั้นยังไง แล้วถ้าเป็นรุ่นน้องล่ะจะออกมาเป็นยังไง พอคิดแบบนั้นแล้ว ความกระหายที่อยากจะเป็นเซนเตอร์ก็ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นค่ะ มันไม่ใช่ที่ที่ใครจะมายืนก็ได้นี่คะ เพราะได้มองแผ่นหลังอันโด่งดังของมาเอดะซัง,ยูโกะซัง,มายุซัง,ซาชิฮาระซังมา ก็เลยยิ่งสัมผัสได้ถึงคุณค่าของการได้เป็นเซนเตอร์ค่ะ ยิ่งเพราะเคยได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกันมาก่อน ฉันก็เลยรู้ดีค่ะ แต่ว่าตำแหน่งเซนเตอร์ของAKB48ในตอนนี้ออกจะแตกต่างออกไป รู้สึกว่าจะเป็นช่วงที่ให้เมมเบอร์หลายๆคนผลัดกันมายืนเซนเตอร์หรือเปล่านะ? แต่เพราะว่าAKB48น่ะมีวิธีการคิดที่ว่า 'จะไม่ทำอะไรที่ธรรมดาๆ' ยึดถือเป็นสำคัญเลยล่ะค่ะ ก็เลยพอจะเข้าใจได้นะคะ แล้วตอนนี้เหล่ารุ่นน้องก็คิดอยากที่จะยืนตำแหน่งเซนเตอร์ คิดว่าตำแหน่งเซนเตอร์ของAKB48น่ะสุดยอดจริงๆก็มีค่ะ เพราะเซนเตอร์ของAKB48 ก็คือเซนเตอร์ของ48กรุ้ปไงล่ะคะ ดังนั้นแล้ว การที่ได้เป็นเซนเตอร์จากการได้ที่1ในงานเลือกตั้งก็สำคัญ แต่จากตรงนั้นเป็นต้นไปฉันก็คิดว่ามันก็สำคัญมากเหมือนกันค่ะ 

Q : เพื่อสิ่งนั้นแล้ว ก็เลยจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้คนสินะครับ
A : ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องมาก่อนเลยคือการได้เป็นที่1ในงานเลือกตั้งแล้วได้รับการยอมรับรึเปล่านะ?

Q : นั่นต้องสำคัญอยู่แล้วครับ ถึงจะเป็นเรื่องที่ผมคิดไว้ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่ผมคิดว่าออพชั่นที่สำคัญสำหรับจูรินะซังอีกอย่างคือการได้ไปออกรายการภาคพื้นน่ะครับ
A : อ๋า~ นั่นสินะคะ 

Q : หากทำให้คนอีกหลายๆคนรู้จักมากขึ้นได้ ก็จะสามารถเป็นหน้าตาของกรุ้ปได้ด้วยสินะครับ
A : อยากไปออกมากๆเลยค่ะ! หากจัดตารางงานได้ล่ะก็นะ(หัวเราะ) เห็นว่าคาวาเอย์(รินะ)จังก็เหมือนจะได้ออกรายการ 'A-Studio'อยู่ใช่ไหมล่ะคะ? นั่นน่ะเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากเลยนะคะ

Q : นอกจากนี้แล้วมีอะไรที่จำเป็นอีกไหมครับ?
A : หากมีเรื่องที่ทำได้อีกก็ดีสินะ จนถึงตอนนี้ฉันเอาแต่คิดถึงเรื่องกรุ้ปค่ะ ก็เลยไม่มีงานอดิเรกเป็นของตัวเองเลย ได้โอกาสไปออกTVบ้างก็จริง แต่ตามเรื่องที่เขาคุยๆกันไม่ทันเลยล่ะค่ะ 

Q : เป็นเรื่องความรู้ทั่วไปเหรอครับ? หรือว่าเรื่องที่กำลังได้รับความนิยม?
A : ทั้งคู่เลยค่ะ(หัวเราะ) 

Q : เพราะว่าตารางงานไม่ว่างเลยสินะครับ
A : ได้รับความเมตตาในฐานะของไอดอลมัตสึอิจูรินะมาตลอดก็จริง แต่ในฐานะของมนุษย์มัตสึอิจูรินะน่ะ เป็นคนขี้เหงานะคะ หากได้เติมเต็มในส่วนนั้นได้ก็คงจะดีค่ะ อยากจะมีงานอดิเรกอื่นนอกจากมวยปล้ำด้วย

Q : อยากเพิ่ม(งานอดิเรก)อะไรเหรอครับ?
A : เพราะการดูกีฬาน่ะสนุกมาก เลยอยากจะรู้ให้ละเอียดในอีกหลายๆแขนงค่ะ การดูเบสบอลก็สนุกนะคะหากมีสโมสรที่เชียร์อยู่ โดยเฉพาะทีมDragons เพราะเป็นทีมที่SKE48เป็นตัวแทนเชียร์อยู่ ก็เลยเชียร์ได้อย่างเต็มที่ แต่จนถึงตอนนี้ก็มีแฟนๆที่เป็นแฟนของทีมอื่นอยู่ ก็เลยพูดยากหน่อยน่ะค่ะ 

Q : ได้เข้าไปดูการแข่งขันด้วยสินะครับ
A : ค่ะ การที่ได้เข้าไปนั่งเชียร์น่ะสนุกมากก็จริง แต่ดีใจด้วยค่ะที่ได้เข้าใจจิตใจของแฟนๆ ทำให้รู้ว่า การเชียร์เนี่ย เป็นอะไรที่ใช้พลังกายขนาดนี้เลยนะ หรือไม่ก็ การที่ทีมDragonsชนะทำให้เราดีใจขนาดนี้เลยเหรอ เป็นต้นค่ะ ทั้งการดูการแข่งขันมวยปล้ำและเบสบอล ทำให้ฉันเกิดความคิดอันแรงกล้าแบบนั้นขึ้นมาได้ค่ะ

Q : สุดท้ายนี้ ได้ยินว่ามาจากคอนเสิร์ตที่ไกชิฮอลล์ครับ เป็นความทรงจำที่เกี่ยวกับจูรินะซังครับ
ตอนเพลง 'Oki Doki' บนคอนเสิร์ตรอบเย็น ตอนกลางเพลงได้มีเปลี่ยนคำร้องจาก 'ไปกันเถอะ Oki Doki!' เป็น 'ไปกันเถอะ นาโกยะโดม!' ด้วยนี่ครับ นั่นเป็นแอดลิปใช่ไหมครับ?
A : ใช่แล้วค่ะ! ท่อนนั้นน่ะไม่ค่อยถูกเปลี่ยนคำร้องเลยนะคะ เลยคิดเองว่าท่อนนั้นน่ะห้ามเปลี่ยนค่ะ แต่ว่าวันนั้นจู่ๆก็มีแว้บนึงที่คิดว่า เปลี่ยนคำร้องเถอะ แล้วก็เปลี่ยนมันตอนนั้นเลยค่ะ(หัวเราะ) ทำไมกันนะ? บางทีอาจจะเพราะความรู้สึกที่ว่าเราดูเหมือนจะไปยังนาโกยะโดมได้ล่ะมั้งคะ? เพราะรู้สึกแบบนั้น ก็เลยเผลอพูดออกไปน่ะค่ะ ก็คิดนะคะว่า 'ดีล่ะ งั้นมาพูดออกไปเลย!'

Q : ด้วยคำพูดนั้น ผมว่ามันทำให้บรรยากาศของกรุ้ปกลายเป็นหนึ่งเดียวเลยนะครับ เริ่มต้นจากการที่พูดออกมาว่า 'ไปกันเถอะ นาโกะยะโดม' ในคอนเสิร์ต Unit Battle นั้นน่ะ กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ไปเลยนะครับ
A : พูดออกไปอย่างชื่นมื่นเลยล่ะค่ะ เพราะคิดว่า 'หากพูดไปละก็จะต้องคึกคักกันแน่ๆ' น่ะค่ะ(หัวเราะ) 
หลังจากนั้นในงานจับมือ ก็มีแฟนๆที่มาบอกว่า 'ชั่ววินาทีนั้น เสียงเชียร์ในไกชิฮอลล์น่ะดังที่สุดเลยนะ!' พอได้ยินแบบนั้นแล้วก็ยิ้มกว้างออกมาอีกรอบเลยล่ะค่ะ(หัวเราะ) 
 




ญี่ปุ่น-เกาหลี : @Ruiring632
เกาหลี-ไทย  : EARN

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เทศกาลพบปะประจำปี2018

*ช่วงนี้ติดพาสาทิพนิดนึงนะคะ แต่จะพยายามพิมพ์ให้เป็นผู้เป็นคนมากที่สุดค่ะ กราบขออภัยล่วงหน้า*

ค่ะ มาอีกแล้วนะคะกับงานพบปะ(ไอดอล)ประจำปี2018
ปีที่4ติดต่อกันแล้วนะคะที่ไปเจอจูรินะจังมา /ทำเสียงพูมจัย

เอาจริงๆ ว่ากันตามตรงเลยนะ ตอนนี้เราอินเนอร์ว่างเปล่ามาก คือไม่รู้จะเขียนอะไรดี เรียบเรียงคำพูดในหัวไม่ได้ งงไปหมด แต่สัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าถ้าได้เจอน้องจะอัพบล็อคก็เลยต้องมาอัพแบบเสียไม่ได้ บ้าจริง 5555555 อ่ะสงสัยล่ะสิว่าทำไมเราถึงใช้คำว่าว่า ถ้าได้เจอ มาค่ะ มาปูเสื่อฟัง...

คราวนี้เราไปเจอน้องมาเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2018 ค่ะ
ถ้าใครได้อ่านเอนทรี่ที่แล้วของเราจะสังเกตุได้ว่า มันเป็นวันเดียวกันนนน กับที่เราไปเจอน้องมาเมื่อคราวก่อนค่ะ คือ1ปีพอดีเป๊ะ นับเป็นความโรแมนติคหนึ่งของทริปนี้ ฮาาาาาาาาา

สถานที่ที่เราไปมาในปีนี้คือ Pacifico Yokohama นั่นเองค่าาาา
เป็นสถานที่จัดอีเวนท์ที่5ของเราที่เคยไปมา คือเหมือนโดนสาปอ่ะ ไปอีเว้นท์ไม่เคยซ้ำที่ เหยียบมาหมดจะครบทุกฮอลล์ที่เคยจัดงานจับมือละค่ะ นึกละก็ขำ 555

ครึ้มมาเลยนะจ้ะ
เมมเบอร์ที่เราลงบัตรจับมือ(จริงๆคือบัตรทูชอต)ไปในทริปนี้น้านนน ก็คือ
ก้อบกันมาดื้อๆแบบนี้แหละ!
สองคนเดิม ไม่มีเพิ่มเติม ไม่มีเปลี่ยนแปลง แหะๆ
ประกอบไปด้วย โอชิ เมน น้อง รูก บางทีก็ไม่ใช่รูก คนเดิม SKE48 ทีมเอส มัตสึอิ จูรินะ(21) และ...
ผู้สถาปนาชื่อญี่ปุ่นสุดน่ารักให้เรา (555555555) SKE48 ทีมอี โกโต้ ราระ นั่นเองค่า


และนี่คือแค่จุดเริ่มต้นของวิบากกรรมทั้งหมด...


เริ่มจากตรงไหนดีล่ะคะ 555 เรียงตามไทม์ไลน์ไปเลยละกันเนอะ

หนึ่งเลยคือ ด้วยความที่ปีที่แล้วเราไปติ่งแบบคุ้มมาก คราวนี้ก็เลยเอาอีก หวังจะลงบัตรให้มันได้สองงานในหนึ่งอาทิตย์เหมือนเดิมคือ เสาร์จับมือ อาทิตย์ทูชอต แบบนี้ค่ะ ปรากฎว่างานทูชอตอัลบั้มที่9ของAKB48เปิดให้ลงก่อน มีตารางวันที่13/5 เราก็เลือกวันนี้เลย เพราะกะว่าซิงเกิ้ลที่51(ซึ่งก็คือJabajaaนั่นเอง) ที่จะออกมาต่อจากอัลบั้มนี้ต้องมีวันจับมือวันที่12/5อย่างแน่นอน

แต่แบบ บ้งค่ะ พอประกาศตารางจับมือซิง51ออกมา ปรากฎว่า ไม่มีค่ะ... ไม่มีตารางงานจับมือวันที่12/5(...) นี่ช็อคไปหนึ่งดอกละ อย่างที่เคยบอกไปว่าเราชอบงานจับมือมาก รู้สึกว่างานจับมือมันได้คุยเยอะดี แล้วก็ เราอยากคุยกับน้องเยอะๆอ้ะ! แล้วอีกอย่างคือลงบัตรทูชอต(ราระ)ไว้น้อยด้วย ._. กะว่าเออเดี๋ยวลงบัตรจับมือเยอะๆไปคุยดีกว่าไรงี้ แต่ก็แบบ ทำไมถึงทำกับฉันได้! แต่ก็อ่ะ โอเคไม่เป็นไร เดี๋ยวรอดูเผื่อมีคอน มีจับมือวงน้องเดี่ยวๆ หรือมีอีเว้นท์อื่นเนอะ(สรุปตอนหลังก็คือไม่มีค่ะ แห้งๆเลย...) 

จากนั้นไม่นานเราก็ทำการจองตคบ.จองอะไรไปเรียบร้อย ในขณะที่ตรากตรำทำงานหาเงินไปเที่ยวแบบไม่ได้เอะใจอะไร ก็มีเช้าวันเสาร์วันนึง มีรายชื่อชุดนึงหลุดออกมาในโซเชียล เป็นรายชื่อเมมที่คาดว่าจะเข้าร่วมรายการ Produce48 เป็นรายการซีซั่น3 ต่อจาก Produce101 ของเกาหลีที่ปีนี้มาโคกับ48ของญี่ปุ่น และให้เด็กจากฝั่ง48เข้าร่วมแข่งได้ด้วย พอ! นกไม่อยากจะพูดถึงมันค่ะพี่ตา! /เอาทิชชู่ซับหัวตา

เราชอบสิงอยู่ที่ฟอรั่ม48ของเกาหลีน่ะค่ะ แล้วไม่รู้อะไรดลใจ หลายๆคนในนั้นลงความเห็นว่ารายชื่อชุดนี้ดูน่าเชื่อถือกว่าชุดอื่นๆที่ปล่อยออกมาด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง(พวกตารางงาน SNSที่เมมลงไรงี้) โชคดี(หรือร้ายไม่รู้) วันนั้นมีงานจับมือเดี่ยวของSKE แล้วมีแฟนน้องที่เป็นคนเกาหลีไปพอดี เค้าก็เลยเข้าไปถามๆน้องเรื่องนี้มา และ ค่ะ เรารู้ตั้งแต่เย็นนั้นว่าน้องจูจะเข้าร่วมรายการจริงๆ /เอาผ้าห่มเช็ดน้ำมูก

ถ้าจะให้เราบ่นเรื่องนี้มันจะยาวและน่ารำคาญเกินไป ขอหยุดความคิดเห็นส่วนตัวของตัวเองไว้ตรงนี้ค่ะ 5555 เอาเป็นว่า ตอนแรกที่เรารู้ว่าน้องจะไปเกาหลีเราไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเรื่องตารางงานของน้องที่ปกติอยู่ญี่ปุ่นก็เป็นคนที่ตารางแน่นพอสมควรอยู่แล้ว กลัวว่าถ้าเทียวไปเทียวมาทำงานหนักแบบนี้จะล้มป่วยไปเสียก่อน ไม่ได้นึกถึงเรื่องขาดจับมืออะไรทั้งนั้น จน กระ ทั่ง... มีเมมเบอร์คนนึงที่เข้าร่วมรายการต้องยกเลิกบุจับมือที่ญี่ปุ่นเพราะติดถ่ายรายการ Produce(...) เราถึงค่อยแบบ เฮ้ย นี่มัน... แล้วยังไงอ่ะ คือว่ากันตามตรงเราไม่ได้มีเป้าหมายอย่างอื่นที่จะไปญี่ปุ่นถ้าไม่ได้ไปหาไอดอลเลยนะ แย่เนอะ 555 แต่มันคือเรื่องจริงอ่ะ แล้วเรามีบัตรน้องคนเดียว(อ่ะมีราระด้วยนิดนึง) ถ้าเราไปแล้วไม่ได้เจอน้องล่ะ เราจะทำยังไง เราจะไปทำไม คิดไปต่างๆนานา คิดไปถึงว่า หรือเราจะเททริปนี้เลยดี... รอให้อะไรๆมันนิ่งกว่านี้ค่อยหาโอกาสไปใหม่

เดชะบุญ มีเพื่อนเป็นติ่ง ผีเห็นผีเป็นศรีแก่ตัว ตอนกำลังลังเลใจอยู่ก็แชทไลน์ไปปรึกษาเพื่อน แล้วเราก็ได้รับคำตอบคำตอบนึงมา เป็นคำตอบที่เราไม่คิดว่าจะได้ และทำให้เราเหมือนเห็นดวงตาแห่งธรรมติ่ง 555 ตัดสินใจไม่เท เสี่ยงก็เสี่ยง! 

เกลียดอ่ะ โควทออฟเดอะเยียร์มาก 555 

ถ้าคุนคิดว่านี่จบแล้ว ยังค่ะ ปลายเดือนเมษายน ในงานจับมือเดี่ยวSKE48งานนึง โกโต้ ราระ ประกาศหยุดกิจกรรมวงทั้งหมดตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง แน่นอนว่ารวมไปถึงงานจับมือก็ด้วยเช่นกัน

ราระเทเก๊าาาาาาาาาาาา ;-----------; เมมคนที่ไม่คิดว่าจะเทเราคราวนี้ก็เทเราค่ะ โลกนี้อะไรๆมันก็ไม่แน่นอนจริงๆเลยนะคะ 555 /ร้องไห้

อ่ะจริงจัง ราระเป็นเด็กหัวดีและดูจะรักการเรียนมากด้วย เราเชื่อว่าการตัดสินใจพักงานไอดอลที่ราระรักมากๆและกำลังไปได้ด้วยดีเพื่อไปเตรียมตัวสอบอย่างจริงจังก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ก็เป็นกำลังใจให้ราระสอบเข้ามหาลัยที่ตัวเองหวังเอาไว้ให้ได้แล้วค่อยกลับมาเนาะ พี่รอได้ค่ะ /เก๊กสวย

ขอให้สอบเข้ามหาลัยดีๆให้ได้ดั่งใจ แล้วค่อยมาเจอกันนะรูกน้า

แต่ก็นั่นแหละค่ะ 555 ผ่านพ้นเรื่องราวสั่นประสาทไป เราก็ยังคงยืนยันจุดมุ่งหมายเดิมคือเราจะเสี่ยงบินไปอยู่ดี จริงๆหลังๆก็เริ่มมั่นใจแล้วด้วยว่ายังไงจูรินะจะกลับมาร่วมอีเวนท์ตั่งต่างแน่นอน(แหะๆ) ก็เตรียมตัว จัดขงจัดของ จัดทุกอย่างยกเว้นแพลนเที่ยว(...) กำพระให้แน่นแล้ววาร์ปไปงานทูชอตกันค่ะชาวเรา



งานทูชอต วันที่13พ.ค.2018 ที่ Pacifico Yokohama

คราวนี้เราลงจูรินะจังไว้ตั้งแต่บุ2(บุแรกที่น้องเปิด)ยันบุ8(บุสุดท้ายที่น้องเปิด)เลยค่ะ เรียกกันว่าเจอหน้ากันให้เหม็นเบื่อกันไปเลยทีเดียวเชียว 555 เช้าวันนั้นก็ยังมิวายเช็คบล็อคของออฟฟิศเชียลก่อน ว่ามีใครร่วงใครขาดมั้ย ปรากฎว่าไม่มีคันจิหน้าตาคุ้นๆว่าจะเป็นชื่อน้องโผล่มา ก็โล่งใจไปเปราะละ ฮือ ชีวิตติ่งน้อ 555 ไปถึงก็ไปแวะเขียนการ์ดอวยพรวันเกิดให้จูรินะ ตรวจเป๋า ปั้มบัตรอะไรปกติ แล้วก็ไปต่อแถวกันค่ะ

บุสอง บุแรกที่น้องจูเปิด และเป็นบุที่พีคที่สุดของเราในทริปนี้
คือมันจะพีครัยตั้งแต่บุแรกอ่ะคนเรา คือ ระยะเวลาตั้งหนึ่งปีเนี่ย เราไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ไอดอลจำเราได้อยู่แล้วล่ะ แล้วปกติที่มาหาน้องก็ไม่เคยจำเราได้เสียด้วย แต่เพราะไม่ได้คาดหวังเนี่ยแหละค่ะ มันก็เลยพีค ฮ่าๆๆ

*เหมือนเอนทรี่ที่แล้ว เราไม่ได้จดรีพอร์ทมาแบบคำต่อคำนะคะ ขอเล่าเฉพาะตรงที่ประทับใจเท่าที่จำได้เนาะ /ไหว้ย่อ*

ต่อแถวได้สักพักก็ถึงคิวเรา วันนั้นน้องใส่เสื้อสีขาวมีลูกไม้ๆหน่อยกับกระโปรงสั้นลายพร้อยแบบที่น้องชอบ แล้วก็รองเท้าผ้าใบคู่ที่แฟนๆคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน สวยน่ารักเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา เราก็เดินเข้าไปถึง โบกมือทักน้องเสร็จก็เข้าแพทเทิร์นเดิม คือบอกว่าเรามาจากไทยนะ ปรากฎว่าน้องมองหน้าเรา แล้วก็พูดว่า เอ๊ะ? ซาซิบุริ? ซาชิบุริๆๆ (ซาชิบุริ มาจากโอฮิซาชิบุริ = ไม่เจอกันนาน) เป็นการสื่อว่าน้องจำเราได้อ่ะ คืออย่างน้อยๆก็คุ้นแหละวะ! ทั้งๆที่ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งปีเต็ม

ช็อค... ช็อคไปเรย อะไรที่เตรียมๆไปคือหายเกลี้ยง ทำไรไม่ถูก รู้แต่ตอนนั้นคือแบบดีใจมากที่น้องจำได้ ก็เลยใช้สกิลภาษาญี่ปุ่นระดับN8ที่ตัวเองมีตอบไปว่า /เสียงช่องแปด/ เอ๊ะะะะะ อุเรชี่() คือรู้เลยว่าหน้าตาต้องดูไม่ได้อ่ะ ช็อคสุด ค้างสุด

แล้วก็ได้ท่าโพสที่เพิ่งคิดได้ตอนต่อแถวมาค่ะ เป็นฮาทโตะแบบเหนือหัว เราว่าถ้าน้องทำน่าจะออกมาน่ารักดี ซึ่ง น่ารักจริงด้วย แง น้องทำรัยก็น่ารักไปหมดเลยอ่ะทำไงเดดด
 




ออกมาหวีดร้องใส่พี่อีกคนที่ไปด้วยกัน(อีกแล้ว) จดรีพอร์ต ขิงลงทวิต ตั้งสติ หายใจเข้าออก ก็ได้เวลาบุสาม ระหว่างเข้าแถวก็คิดท่าโพสไปด้วย คือทูชอตอัลบั้มล่าสุดเนี่ยมันจะมีแบ่งค่ะ ของจูรินะ บุ2-3จะเป็นถ่ายเต็มตัว บุ4น้องไปพัก ส่วน5เป็นต้นไปจะเป็นถ่ายแบบครึ่งตัว แล้วเราว่าบุเต็มตัวมันคิดท่าสวยๆยากอ่ะ ไม่รู้สิ ท่าเด็ดๆก็รู้สึกว่าเออ เก็บไว้ครึ่งตัวดีกว่าไรงี้ คิดไปคิดมาก็จะถึงคิวเราแล้ว ยังคิดไม่อ้อกกก ก็เลย อ่ะ ไหนๆก็จำได้ว่าเราคือแฟนจากไทยละ ท่าพนมมือขอบคุณค่าละกัน ขอบคุณค่านี่เหมือนเป็นภาษาไทยคำเดียวที่น้องจำได้อ่ะค่ะ ได้ยินอะไรไทยๆน้องขอบคุณค่ามาก่อนตลอด 5555




ตั้งแต่บุห้าเป็นต้นไปเลนน้องจูจะเปลี่ยนเป็นการถ่ายครึ่งตัวแทนแล้ว ท่าอะไรที่เตรียมๆมาเราก็จะงัดมาใช้ในบุเหล่านี้ค่ะ 555 ก็ดีงามตามท้องเรื่อง มีคุยกะน้องนิดๆหน่อยๆสัพเพเหระตามสกิลN8ของเราไปเรื่อยค่ะ ข้ามเนอะ

ตัดภาพมาที่บุเจ็ด เล่าก่อนว่า คืนก่อนที่จะมาทูชอตระหว่างนอนคิดไปเรื่อยๆว่าจะพูดอะไรกะน้องดี ก็มีอยู่ประโยคนึงที่เราคิดว่าอยากจะพูดกับน้องให้ได้ คือน้องจูจะชอบเขียนในโมบายเมลมาว่า แฟนๆ ช่วยส่งพลังให้ฉันทีนะคะ ฉันต้องการพลังจากทุกคน อะไรทำนองนี้ คือเขียนมาบ่อยมาก เราก็เลยอยากจะไปบอกน้องว่าเราจะคอยส่งพลังให้นะ อะไรแบบนี้ แต่แบบ สมองเราขาวมากอ่ะ ไม่รู้เลยว่าจะงัดศัพท์อะไรมาใช้ให้น้องเข้าใจ เลยบากหน้าไปถามคนในฟอรั่มเกาหลีดู ตอนโพสก็กลัวๆนะ กลัวเด๋อมาก ฮาาา แต่ปรากฎว่าคนในนั้นคือยาซะชี่มาก มาช่วยเราแปลไม่พอยังมีอวยพรขอให้สนุกด้วยอ่ะ ทับจัย 555

อ่ะกลับมาที่เลนจับมือ เข้าไปถึงเราก็เอาเลย เล็งเอาไว้ว่าจะพูดก่อนถ่ายรูปเนี่ยแหละเพราะพี่สตาฟจะได้ไล่เราไม่ได้ TvT ก็ค่อยๆพูดทีละวรรค ช้าๆ น้องก็ตั้งใจฟังมาก มองหน้าเราตลอดละค่อยๆพยักหน้าตาม โอ้ยยย 555 พอถึงวรรคที่สามน้องก็เหมือนจะเก็ทละว่าเราจะสื่ออะไร ก็ยิ่งทำหน้าลุ้นให้เราพูดให้จบไปอีก น่ารักจนจะเป็นลม ฮือออ พอพูดจบปุ้บ น้องก็แบบ ทำหน้าดีใจมากกกกกกกก ใส่เรา เราก็ถามแบบ โอเคมั้ยเนี่ย? ฟังเข้าใจมั้ย? น้องก็อื้อๆๆ เย้ๆๆ ร่าเริงๆกันไป แล้วเอามือมาจับมือเราไว้ตอนไหนไม่รู้... บุนี้เราให้น้องจูเป็นคนคิดท่าให้เลย เพราะพี่ไม่เหลือเมมโมรี่ให้จำศัพท์อะไรแล้วค่ะแง 555 นั่นแหละ เรารู้ตัวอีกทีว่าน้องจับมือเราอยู่ตอนที่น้องนั่งคิดท่าโพสให้เรานั่นแหละ คือจับค้างไว้ยาวเลยอ่ะ จนน้องคิดท่าออก ก็ได้ท่านี้มาค่ะ   

มือนี้ทำฮาทโตะ มือนี้ทำเลขหนึ่ง โอเคมั้ยคะ?
จูรินะ : 2018

บุแปด บุสุดท้ายของจูรินะ และของเราด้วย /เบะ บุนี้เราลงติดมาสองใบ ตอนแรกว่าจะแยกวนสองรอบรอบละใบ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยื่นไปทีเดียวเลย อันนี้ไม่ได้โกหกนะ 555 เราอ่ะคิดละว่าใบแรกจะทำท่าเกี่ยวก้อยแน่ๆ เข้าไปก็รีบบอกเลยว่านี่สุดท้ายแล้วนะ แล้วไว้เจอกันใหม่ กำลังจะอ้าปากพูดต่อ จูรินะผู้ซึ่งหัวไวก็รีบยกนิ้วก้อยขึ้นมา แล้วก็พูดว่า สัญญานะคะ เห๋ยยย ใจตรงกันเลยอ่ะ บ้าๆๆๆๆ /บิดผ้าเช็ดหน้า อีกใบนึงเราบอกว่าเนี่ย เพราะนี่สุดท้ายจริงๆแล้วอ่ะ มากอดทีสิ! ตอนหลังเอามาเล่าให้พี่คนนึงฟังละโดนประณามมาว่าคิโม่ยอ่ะ 5555555555555555555 แต่คือแบบ มันไม่ได้คิโม่ยเว้ยแก บรรยากาศตอนนั้นมันแบบเกิลทอร์คมากๆอ่ะบ้าจริง แก้ตัวไปใครจะเข้าจัย 5555

พอถ่ายเสร็จก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะบอกลา... สตาฟก็ดันจังเลยยย สมองก็ขาว เลยไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าคำว่าบ้ายบาย...ค่ะ แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไรนะคะ เพราะสิ่งที่อยากพูดที่สุดก็ได้พูดไปแล้ว ไม่มีอะไรติดค้าง 555


พาร่างอันแหลกเหลวจากการยืนตลอด10กว่าชั่วโมงของตัวเองมานั่งรอซักพักก็ลุกไปรอส่งน้องกลับบ้านกันค่ะ 5555 วันนั้นเลนจูรินะคือจบเป็นเลนสุดท้ายเลยอ่ะ หันไปคือเลนอื่นเค้าเก็บฉากกันเหลือแต่พื้นโล่งๆแล้วแต่จูรินะยังเคลียร์คนไม่หมดเลยอ่ะ ก็ยืนรออีกแปปนึง น้องก็ออกมาทักทายแฟนๆค่ะ แล้วรอบนี้คือมาใกล้มากกกกก ไม่มีรั้วและอะไรกั้นทั้งนั้น พูดขอบคุณอะไรเสร็จ น้องก็พูดเรื่องโน่นนี่ พูดยาวมากค่ะ เราจับใจความได้แค่5% ว่าเป็นเรื่องเลือกตั้ง เรื่องสเตจวันเกิด เรื่องเกาหลีนิดนึง ทั้งหมดนี้กินเวลาเกือบๆ10กว่านาทีได้ คือปกติคนที่อยู่รอส่งจะไม่เยอะมาก ไม่น่าจะเกินสิบยี่สิบคน ก็จะเห็นๆกันหมดอ่ะเนอะ มันจะมีจังหวะที่จูรินะพูดไปกวาดสายตาไปได้ทั่วๆอยู่แหละ บางจังหวะที่ปาดสายตามาเจอเราน้องจะต้องสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าในดวงตาเราได้แน่ๆอ่ะค่ะ พี่ขอโท้ดดดดด

พูดจบน้องก็โค้งขอบคุณแฟนๆอีกรอบ แล้วก็กลับเข้าไปข้างใน จบ... ทริปนี้ของเราจบลงอย่างสวยงามอีกปี มีความสุขชะมัด ตอนนั้นในใจคิดได้อย่างเดียวว่าขอบคุณตัวเองจริงๆที่มาชอบไอดอล เหมือนได้ชาร์จพลังเลยล่ะค่ะ


อ่ะพักจิบน้ำนิดนึง


มาพูดถึงเมมคนอื่นที่เราไปเจอมาอีกสักหน่อย คราวนี้ก็มีการแจกลายเซ็นที่ปกซีดีเหมือนเดิมค่ะ รอบนี้เรามีสามใบ ของตัวเองหนึ่งใบ แล้วก็มีพี่ที่มาทูชอตไม่ได้ฝากมาอีกสองใบให้เราไปขอลายเซ็นให้แทนค่ะ ความบ้งอีกอย่างนึงคือ จู่ๆกฎก็เปลี่ยนว่าชื่อที่จะให้เซ็นต้องเป็นชื่อที่ตรงตามบัตรหรือพาสปอร์ตเท่านั้น คือแบ่บบบบบ มันคือต้องเป็นชื่อจริงอ่ะ ตลกกว่านี้ไม่มีอีกละค่ะ บ้าเอ้ย

ตอนแรกว่าจะพูดแยก แต่เดี๋ยวรวมเลยแล้วกัน เรายังมีบัตรราระอีกหนึ่งใบที่กลายร่างเป็นบัตรเปล่า(บัตรที่เอาไปใช้กับเมมคนไหนก็ได้ที่บุไม่เต็ม)โดยสมบูรณ์หลังจากราระยกเลิกงานจับมือไปใช่มั้ยคะ เราเลยเลือกที่จะใช้บัตรใบนั้นกับน้องคนนี้ค่ะ

เลือกรูปมารู้เลยนะคะว่าชิป
SKE48 ทีมเคทู โอบาตะ ยูนะ หรือยูนานะนั่นเองค่ะ คู่จิ้น คู่หู เพื่อนร่วมรุ่นคนสนิทของราระ เป็นหนึ่งในสายลมลูกใหม่ของSKEในตอนนี้ ได้เป็นเซนเตอร์ถึงสองซิงด้วยกัน หน้าตาน่ารักมากอะไรมาก ลองทำความรู้จักน้องกันไว้นะคะ >_<

มาดูกันค่ะว่านอกจากจูรินะแล้วทริปนี้เราได้เจอใครบ้าง

- น้องปิ๊บ AKB48 ทีม8 ยามาดะ นานามิ อันนี้พี่ฝากมาขอลายเซ็นค่ะ เราได้เจอน้องแต่เช้าเลย หน้าตาขี้เล่น ขี้เก๊กเร้กๆ เรียกได้ว่าหล่อเหลาเอาการ เราบอกมาจากไทยปุ้บก็ทำหน้าตาดีใส่ ถามอีกว่าพูดญี่ปุ่นได้มั้ย พอเราบอกว่าไม่ได้ก็เลยเขียนในแผ่นให้ว่า LOVE(หัวใจ) มาแทน โดยรวมคือดีอ่ะค่ะ ดีเลยแหละ ใครชอบแนวนี้ก็ลองไปหาได้ค่ะ
- ยูนานะ SKE48 ทีมเคทู โอบาตะ ยูนะ หน้าตาน่ารักมากๆ นุ่มนิ่มไปหมด เป็นเด็กผู้หยิ้งงงผู้หญิงที่แท้ ร่าเริงพลังบวกตลอดเวลา
- เรียวฮะ SKE48 ทีมเอส คิตากาวะ เรียวฮะ อันนี้เอาบัตรพี่ไปหาอีกแล้ว+เราอยากเจอด้วย เรียวฮะตัวจริง สวยมากกกกกกก เป็นเด็กหน้าตาสะสวยจริงๆค่ะ การตอบรับแฟนๆก็โอเคเลยน้า จากที่เราคุยมาเราว่าเหมือนคุยกะน้องสาวซนๆหน่อยอ่ะ ไปบอกว่าพูดญี่ปุ่นไม่ได้นะ น้องก็ตอบมาว่า หรอ ก็มันยากอ่ะเนอะ ฮาาาาาา

ก็แค่นี้ค่ะ เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเมมคนอื่นที่มีโอกาสได้ไปเจอมา จบแล้วจริงๆงานทูชอตปีนี้



ก่อนจะปิดเอนทรี่ ขอพูดถึงน้องจูอีกหน่อย
ปีนี้เป็นปีที่ค่อนข้างสำคัญมากสำหรับจูรินะมากทีเดียว ทั้งครบรอบ10ปีที่น้องเดบิวท์เป็นไอดอล ทั้งความคาดหวังว่าจะได้ลำดับที่หนึ่งในงานเลือกตั้ง และการตัดสินใจของน้องในการเลือกที่จะออกจาก Comfort zone ไปลองชาเลนจ์อะไรใหม่ๆอย่างรายการ Produce48

ใครที่ผ่านมาทางนี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับน้องมานานแล้ว หรือจะเป็นแฟนใหม่ๆที่เพิ่งมาชอบน้อง มาสนับสนุนจูรินะไปด้วยกันนะคะ ไม่ว่าจะในงานเลือกตั้งปีนี้ หรือแม้แต่ในรายการPD48ก็ตาม น้องเป็นเด็กดีเป็นเด็กที่ตั้งใจกับทุกอย่างที่ทำมากจริงๆ ไม่มีทางทำให้แฟนๆผิดหวังแน่นอนค่ะ /โค้งแบบคุณแม่ชาวญี่ปุ่น





















จริงๆที่ลากยาวมาขนาดนี้เพราะไร เพราะจบไม่ลงอ่ะ คนมีแผลมากๆ 555
เอาเป็นว่า หมดแล้ว ถ้ามีอะไรจะแอบมาอิดิทเพิ่มเติมละกันเนอะ
บายยยย
เจอกันทริปหน้าค่ะ