วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] หนังสือพิมพ์ AKB48 ฉบับ เดือนพฤศจิกายน 2018 บทสัมภาษณ์ชูริจูริ (ทาคายานางิ อากาเนะ,มัตสึอิ จูรินะ) PART1



การกลับมา
Q : ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องครบรอบปีที่10 จูรินะซัง ยินดีกับการกลับมาด้วยครับ จูรินะ : ขอบคุณค่ะ! อากาเนะ : รออยู่เสมอเลยค่ะ~! จูรินะ : ก่อนงานเลือกตั้งฉันไม่ได้นอนเลยตลอดสามวันค่ะ เพราะแฟนๆเองก็ต่อสู้กับงานเลือกตั้งจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเหมือนกัน ฉันเองจะไม่สู้ก็เห็นทีว่าจะไม่ได้ค่ะ ดังนั้น พอจบงานเลือกตั้งแล้ว ก็ทั้งโล่งใจ ทั้งความเหน็ดเหนื่อยก็ล้นทะลักออกมาเลยล่ะค่ะ Q : ช่วงเวลาสามเดือน ทำอะไรบ้างเหรอครับ? จูรินะ : ฉันแทบจะไม่ออกไปข้างนอกเลยค่ะ ก็แต่งเพลง แล้วก็ทำของจำพวกเครื่องประดับอยู่ที่บ้านค่ะ ทำอาหารทุกวันเลยด้วย มีความเป็นผู้หญิงขึ้นมากเลยค่ะ(หัวเราะ) จริงๆแล้วน้ำหนักขึ้นมา5กิโลด้วย(หัวเราะ) Q : ได้รับรู้เรื่องราวข้างนอกบ้างไหมครับ? จูรินะ : ไม่เลยค่ะ ฉันไม่ดูพวกข่าวอะไรเลย คิดไว้ว่าต้องทำใจให้สงบค่ะ แต่ว่ามีวันนึงจู่ๆก็เกิดอยากดูTVขึ้นมาก็เลยเปิดดู เจอรายการตอบคำถามที่โซวดะ(ซารินะ)จังไปออก ยังคิดอยู่เลยค่ะว่า น่าดีใจจังเลยนะที่ถึงแม้ช่วงที่ไม่มีฉันแต่SKEก็ยังคงพยายามกันอยู่ Q : ช่วงเวลาที่ไม่มีจูรินะซังSKEเป็นอย่างไรบ้างเหรอครับ? อากาเนะ : ช่วงฤดูร้อนก็จะมีทั้งงานมิฮามะ มีอีเวนท์แบบแยกทีมค่ะ คลื่นแรงมากจนฉันไม่สามารถจำเรื่องราวทั้งหมดได้เลยล่ะค่ะ แต่เหมือนที่มิฮามะจะใหญ่ที่สุดหรือเปล่านะ เพราะที่นั่นเป็นคอนเสิร์ตที่SKE48ทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว การที่ไม่มีจูรินะซังอยู่นั้นทำให้เรารู้สึกมากกว่าครั้งไหนๆค่ะ อย่างไรก็ตาม ทีมSน่ะ ได้จัดเซทลิสที่ทุกคนจะไม่มีวันลืม ถึงแม้ว่าจะไม่มีจูรินะซังตัวจริงอยู่ก็ตามล่ะค่ะ จูรินะ : อย่างนี้นี่เอง~ อากาเนะ : แม้ว่าตอนนี้เมมเบอร์อยู่จะพยายามสุดแรงแล้ว แต่ก็มีใส่เพลง Oogoe Daimond ที่จูรินะซังเป็นเซนเตอร์ลงไปด้วยค่ะ ในตอนที่ให้ความสำคัญกับคำว่า ''SKE48น่ะมีจูรินะซังอยู่ด้วยนะ'' การแสดงไลฟ์ให้ทุกคนรับรู้ได้ก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ จูรินะ : การที่ไม่มีฉันอยู่แต่งานก็ดำเนินไปได้ทำให้ฉันรู้สึกเหงาอยู่นะคะ แต่ในทางตรงกันข้าม นั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ เหมือนว่า ถ้าฉันจบการศึกษาไปก็คงไม่เป็นไรแล้วค่ะ ถึงแม้จะยังไม่คิดถึงเรื่องจบการศึกษาเลยก็เถอะ เสื้อผ้า
Q : บทสัมภาษณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ10ปี ทั้งสองคนก็เลยได้เลือกชุดที่จะใส่เองด้วยนี่ครับ อากาเนะ : ฉันใส่ชุดทีมK2ในคอนเสิร์ตที่นาโกยะโดมมาค่ะ จนถึงตอนนี้เพิ่งใส่ไปแค่สองครั้งเอง หากไม่ใช่ในโอกาสแบบนี้น่ะคงไม่ได้ใส่อีกแน่ๆเลย แล้วนึกไปถึงเรื่องราวเบื้องหลังของชุดแล้ว ก็เลยเลือกชุดนี้มาใส่ค่ะ Q : ตอนนั้นทีมK2ถูกชัฟเฟิลไปแล้วนี่ครับ อากาเนะ : แต่ว่า ฉันคิดว่าชุดนี้ทำขึ้นมาก่อนหน้านั้นค่ะ (ฟุรุคาวะ)ไอริ เมมเบอร์ออริจินัลสเตจ Ramune no Nomikata เป็นคนวาดน่ะค่ะ แล้วอีกอย่าง เพราะมีความรู้สึกที่อยากจะยืนที่นาโกยะโดมด้วยค่ะ ช่วงนี้น่ะ พอพูดถึงหรือนึกถึงเรื่องราวสมัยก่อนแล้วก็มักจะได้ยินว่า ''เธอกำลังดึงเอาเรื่องราวเก่าๆมาพูดนะ'' ค่ะ แต่ว่า ตอนนี้เป็นไทม์มิ่งที่จะได้หวนถึงอดีต เพราะอย่างนั้น ก็เลยเลือกชุดนี้มาค่ะ จูรินะ : ของฉันเป็นชุดจากเพลง Mae no Meri ค่ะ เพราะตอนที่เรนะจังจบการศึกษาเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด นี่เลยเหมือนเป็นเครื่องแสดงว่าตอนนี้หัวใจฉันแข็งแกร่งขึ้นแล้วค่ะ Q: จากเนื้อเพลงก็คือ จงใช้ชีวิตด้วยการทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดตัว จูรินะ : เนื้อเพลงก็มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ฉันกลับคิดตรงกันข้าม(กับเนื้อ)ค่ะ ท่อนที่ว่า ''แม้พวกผู้ใหญ่จะเคยพูดว่า ค่อยๆเดินไปก็ได้ แต่ฉันก็เลือกที่จะพุ่งทะยานไปข้างหน้า'' สามเดือนที่พักไปนี้ ทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดใหม่เป็น ''ค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าก็ได้'' ค่ะ เหมือนคำที่ผู้ใหญ่ว่า ฉันเองก็เพิ่งจะ21 หากมองไปรอบๆตัวแล้ว ก็มีทั้งคนที่อายุเท่ากัน มีทั้งคนที่เป็นพี่สาว แม้ว่าตลอดสิบปีจนมาถึงตอนนี้ฉันใช้ชีวิตแบบทะยานไปข้างหน้าก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดได้ว่า การที่เราค่อยๆทำมันอย่างช้าๆก็ไม่ได้เสียหายไม่ใช่หรอกหรือ รอยเท้า
Q : จากนี้ไปเรามาเข้าเรื่องครบรอบ10ปีกันดีมั้ยครับ หากมองย้อนกลับไป ลองบอกเรื่องที่ประทับใจให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ จูรินะ : เริ่มจากสเตจ ''Party ga Hajimaruyo''(ตุลาคม 2008) เลยค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ฉันได้ทำการแสดงร่วมกับเด็กๆ7D2(รุ่น7+ดราฟรุ่น2)บนสเตจครบรอบ10ปีไปค่ะ ตอนนั้นฉันอายุน้อยที่สุด แต่คราวนี้กลับกลายเป็นคนที่อายุมากที่สุดไปแล้วค่ะ เลยรู้สึกได้ถึงประวัติศาสตร์เลย อากาเนะ : ถ้าพูดถึงสเตจล่ะก็ต้อง ''Te wo Tsunaginagara''(กุมภาพันธ์ 2009)เลยค่ะ เป็นสเตจแรกที่ได้ดูหลังจากออดิชั่นผ่านเข้ามาเป็นSKEค่ะ แต่ว่าวันนั้นทั้งจูรินะซังและเรนะซังไม่ขึ้นแสดงล่ะ จูรินะ : เสียใจอ่ะ อากาเนะ : ตอนนั้นทั้งคู่ยุ่งมากเลยนี่คะ(หัวเราะ) แต่ว่าตอนที่ได้ดูสเตจก็คิดว่า ''ฉันเองก็จะได้มาเต้นที่นี่เหรอเนี่ย'' ที่จำได้แม่นเลยคือตอนดูเพลง Kayoubi no yoru, suiyoubi no asa ค่ะ จูรินะ : ทำไมอ่ะ!? อากาเนะ : ก็คิดว่า ''ไอดอลก็ร้องเพลงเท่ขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย'' ค่ะพอลองไปเสิร์ชดู ก็เลยได้รู้ว่าที่เธียเตอร์นี่จะเต้นกันเอาเป็นเอาตายจนเหงื่อชุ่มเลยค่ะ นั่นเลยเป็นเหมือนภาพลักษณ์ไอดอลในสายตาฉัน รู้สึกตื่นเต้นและชอบมากๆเลยล่ะค่ะ Q : มีนอกเหนือจากนี้ไหมครับ? จูรินะ : Banzai Venus ได้ที่1เป็นครั้งแรก(มีนาคม 2011) แต่เพราะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่น เราเลยดีใจไม่ออกเลยค่ะ อากาเนะ : เพลงc/wอย่าง Ai no Kazu ก็เป็นเพลงออริจินัลเพลงแรกของทีมK2ด้วยค่ะ จูรินะ : ทีมSเคยร้องด้วยล่ะ อากาเนะ : ใช่แล้วค่ะ! เพราะว่าทีมSดันได้ร้องก่อนทีมK2 ฉันเลยร้องไห้หนักมากเลยค่ะ!! แบบว่า ''วันนี้ทีมSร้องเหรอเนี่ย...'' จูรินะ : งั้นเหรอเนี่ย? อากาเนะ : นั่งร้องไห้อยู่ที่บ้านยกใหญ่เลยค่ะ~ คิดว่า ''เป็นเพลงแรกที่K2ได้รับแท้ๆ'' หลังจากนั้นก็ได้ยินมาค่ะว่าแฟนๆโกรธกันมากเลย จูรินะ : ขอโทษน้าชูริ~ อากาเนะ : ถึงอย่างนั้น พอได้ดูคลิปเพลงนี้ในยูทูปก็มีแฟนๆที่บอกว่า ''ช่วยเค้าไว้ได้ในช่วงประสบภัยพิบัติ'' อยู่หลายคนเลยล่ะค่ะ เพลงที่ทีมK2ร้องที่นาโกยะโดมก็คือเพลง Ai no Kazu นี่แหละค่ะ รวมกับชุดที่ใส่ในวันนี้ด้วยแล้ว เต็มไปด้วยความประทับใจค่ะ... Q : มีเพลง Aozora Kataomoi(มีนาคม 2010) ที่ทาคายานางิซังได้รับเลือกเป็นเซมบัติสึครั้งแรกด้วยนี่ครับ อากาเนะ : เพลงนี้เป็นเพลงแรกเลยค่ะที่ฉันได้ถ่ายMVของSKE แต่วันก่อนหน้านั้นถึงเราจะซ้อมกันไปเยอะมากแล้วก็จริง พอถึงถ่ายทำจริงๆก็หลงลืมท่าเต้นกันหมดเลย(หัวเราะ) จูรินะ : ใช่ๆ! เพราะว่ามีแฟนๆยืนล้อมรอบอยู่ก็เลยตื่นเต้นน่ะสิ อากาเนะ : ยังจำได้อยู่เลยค่ะว่า ทั้งส่งเสียง''เย้!'' ทั้งช่วยปรบมือให้จังหวะให้ด้วย จูรินะ : ทั้งช่วยร้องว่า A~ozo~ra Kataomoi! จูรินะ/อากาเนะ : (หัวเราะ) อากาเนะ : ดังนั้นก็เลยต้องขอโทษว่า ''จะกลับไปฝึกซ้อมกันมาใหม่นะคะ'' แล้วก็เลิกกองน่ะค่ะ จูรินะ/อากาเนะ : (หัวเราะ) อากาเนะ : เพราะงั้นแล้ว เดี๋ยวนี้เด็กรุ่น7รุ่น8ที่จู่ๆก็โดนให้ยืนเซนเตอร์แล้วยังเต้นได้เป๊ะๆนี่สุดยอดไปเลยค่ะ จุดเปลี่ยน
Q : 10ปีมานี้ ผมคิดว่าจะต้องมีจุดเปลี่ยนที่เป็นประวัติศาตร์หลายรอบแน่ๆครับ จูรินะ : ของฉันเป็นตอนที่(มิยาซาวะ)ซาเอะจังจบการศึกษาค่ะ(มีนาคม 2016) ทั้ง(คิตะกะวะ)เรียวฮะ ทั้ง(มัตสึโมโตะ)จิคะโกะ มีเมมเบอร์ที่เป็นเด็กขี้อ้อนหลายคนก็จริง แต่พอซาเอะจังไม่อยู่แล้ว ทุกคนก็เข้มแข็งขึ้น เหมือนกับว่า ''ถ้าไม่จริงจังก็คงไม่ได้การแล้ว''ค่ะ ตอนนี้ทีมSน่ะสุดยอดไปเลย ตอนนั้นฉันคิดว่า ''Sเนี่ยมีความสามัคคีกันสุดๆ'' ค่ะ ตอนนี้เรียวฮะก็เป็นลีดเดอร์ของSแล้ว มีตัวอย่างเป็นซาเอะจังค่ะ อากาเนะ : ช่วงปี2015ที่นากานิชิ(ยูกะ)ซัง,มิเอะปี้(ซาโต้ มิเอะโกะ),ไอริ จบการศึกษาหรือเปล่านะ เพราะคนที่สนิทกันแม้ในชีวิตประจำวันทุกคนจะไม่อยู่แล้วนี่คะ ตอนนั้นก็คิดว่า ''หรือจะจบไปพร้อมไอริเลย'' ดี ''หรือพร้อมเรนะซัง'' ดีค่ะ ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ว่าทุกๆคนน่ะตัดสินใจได้แล้วนี่คะว่าอยากจะทำอะไรต่อไป ด้วยคำคำนั้น ฉันเลยตระหนักได้ค่ะว่า ''ฉันน่ะยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก'' ค่ะ ก่อนหน้า(ที่ทุกคนจะแกรด)นั้นฉันเป็นฝ่ายที่คอยแต่พึ่งพาอาศัย ถึงแม้ว่าอะไรแบบนั้นจะต้องจบลง ฉันก็ตัดสินใจว่าจะอยู่SKEต่อไปค่ะ แต่ว่า ตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มได้ยินแฟนๆพูดว่า ''SKE48กำลังอยู่ในช่วงขาลง''ค่ะ จูรินะ : ได้ยินอยู่... แต่ว่า พอได้ยินสองคนนั้น(นิชิชิ/มิเอะปี้)พูดออกมาว่า ''การจบการศึกษาในตอนนี้สำหรับพวกเรา คือหมายถึงการทุ่มเทของทุกคนนะ ดังนั้นก็เลยต้องเป็น''ตอนนี้''ไง ถึงแม้ว่าจะอยากอยู่ต่ออีกหน่อยก็เถอะ...'' นั่นทำให้เรารวมพลังกันเป็นหนึ่งเดียวได้ค่ะ อากาเนะ : อยากจะแสดงให้เห็นค่ะว่า ไม่ใช่ว่า ''เพราะใครบางคนจบ วงก็เลยจบ'' ช่วงเวลาที่เคยมีอยู่เหล่านั้นน่ะ ตอนนี้ฉันสัมผัสได้ถึงการเริ่มก้าวขึ้นไปอีกครั้งแล้วค่ะ

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] 181019 MAiDiGi TV / ทอร์คอีเวนท์คัมภีร์เสื้อผ้า SKE48

181019 MAiDiGi TV / ทอร์คอีเวนท์คัมภีร์เสื้อผ้า SKE48



Q : สุดท้ายนี้ ผมอยากจะถามเรื่องที่นอกเหนือจากSKE48บ้าง ซิงเกิ้ลล่าสุดของAKB48อย่าง Sentimental Train เพลงนี้นอกจากสุดะซัง มัตสึอิจูรินะซัง แล้วก็ยังมีเมมเบอร์SKE48เข้าร่วมอีกหลายคนเลย ในฐานะที่มีเมมเบอร์SKE48เข้าร่วมเยอะมาก คายาโนะ(ชิโนบุ)ซัง ได้มีการออกแบบโดยอิงจากอิมเมจของSKEบ้างไหมครับ?

ชิโนบุ : ฉันเขียนลงไปในหนังสือแล้วก็จริงนะคะ แต่ชุดลายตารางสีเหลืองที่ปรากฎในMVนั่น ก็เพราะว่าจูรินะและดาสุเป็นที่1ที่2 ฉันเลยอยากให้สีของSKEนั้นเด่นชัดขึ้นมาค่ะ ดีไซน์เป็นชุดนักเรียนแบบ Classical ส่วนสีเหลือและเขียวก็เป็นเทรนด์สีที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวประจำปี2018 ฉันตั้งสองสิ่งนั้นเป็นเมน แล้วออกแบบโดยให้ความสำคัญกับความเป็นSKEค่ะ แล้วโลเคชั่นก็ดูเป็นอนาคตหน่อยๆ ก็เลยคิดว่าหากทำให้สัมพันธ์กันได้ก็คงจะดีนะ ชุดสีเหลือลายตารางที่อยู่ในMVนั้น จึงเป็นชุดที่สื่อถึงความเป็นSKEค่ะ One-Two Finish (ที่มาจากวงเดียวกัน)แบบนี้ ไม่มีมาซักพักแล้วด้วยแหละ

อาการิน : ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นคือมาจากวงน้องด้วย

ชิโนบุ : จริงสิ ตอนที่ถ่ายMVน่ะ พอได้ยินสตาฟพูดว่า ''พาคนที่ดูเหมือนจูรินะสุดๆมาด้วยล่ะครับ'' ฉันยังพูดเลยว่า ''ไม่ ไม่มีทางมี(คนแบบนั้น)แน่นอน'' ถึงจะคิดว่ายังไงก็ใช้ไม่ได้แน่ๆ แต่กลายเป็นว่ารูปร่างน่ะเหมือนสุดๆไปเลยเนอะ? 

อาการิน : ใช่แล้วล่ะค่ะ 

ชิโนบุ : เหมือนจนฉันยังคิดเลยว่า ''ไปหามาจากไหนกันเนี่ย''

อาการิน : แบบว่า ด้านหลังน่ะ

ชิโนบุ : ใช่มั้ยล่ะ เหมือนจนฉากที่จูรินะกับดาสุต้องอยู่ด้วยกันฉันยังแบบ ''เอ๊ะ?'' เลย

อาการิน : อื้ม ใช่แล้วล่ะค่ะ แบบว่ายังไงดี ถึงตัวเธอจะไม่อยู่ก็ตาม แต่เพราะใส่ความเป็นSKEลงไปอย่างมาก ฉันหมายถึง ไม่ใช่แค่ความเป็นSKEแต่รวมไปถึงความเป็นจูรินะซังด้วยน่ะค่ะ ในบรรดากลิ่นอายเหล่านั้น ฉันเองก็คิดว่า เรื่องเสื้อผ้าก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันเนอะ   






Q : ในรายการเพลงทางTVจูรินะซังก็ไม่ได้ปรากฎตัวตั้งแต่ครั้งแรกด้วย แต่แน่นอนว่าชุดของจูรินะซังต้องมีการออกแบบไว้แล้ว ในวันที่จูรินะซังกลับมา นับได้ว่าชุดของ Sentimental Train นั้นสมบูรณ์สักที
อยากทราบความรู้สึกของคายาโนะซังตอนที่ได้เห็นจังครับ

ชิโนบุ : ปกติแล้วเวลาออกแบบฉันจะออกแบบให้สัมพันธ์กับอันดับเลือกตั้ง ดีไซน์ของอันดับ1, อันดับ2และ3, อันดับ4ถึง7 เพราะมีการออกแบบให้สำหรับลำดับที่1อยู่แล้ว ถึงจะลังเลในตอนแรกก็ตาม แต่ก็ส่งไลน์ไปบอกจูรินะค่ะว่า ''มีดีไซน์ของอันดับที่1ไว้แล้วนะ'' แต่เพราะเธอเป็นคนที่ทำงานหนักมาตลอด หากฉันบอกอะไรไปในทำนองว่า ''ฉันจะรอนะ'' ในสถานการ์ณที่สภาพร่างกายของเธอไม่สมบูรณ์ล่ะก็อาจจะทำให้กดดันค่ะ ก็เลยบอกไปว่า ''เมมเบอร์SKEกำลังรออยู่นะ ทุกๆคนกำลังตั้งใจเต็มที่จนกว่า(จูรินะ)จะสามารถกลับมาได้'' ''ดังนั้นแล้วสบายใจได้! ชุดก็มีแล้ว ท่าเต้นก็มีแล้ว พักผ่อนให้สบายใจ พอหายดีแล้วค่อยกลับมานะ'' แต่ฉันน่ะคิดว่าจะนานกว่านี้เสียอีกนะคะ โชคดีจังเลยค่ะที่เธอได้กลับมาที่เวที Music Station อย่างปลอดภัย ตอนที่กำลังจัดทำหนังสือเล่มนี้ ฉันเคยคิดค่ะว่า ''สักครึ่งปีจะหายหรือเปล่านะ'' ด้วยล่ะค่ะ แต่ดีมากเลยค่ะที่เธอกลับมาปรากฎตัวได้แล้ว วันนั้นน่ะ เธอตื่นเต้นมากๆอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยเนอะ? 

อาการิน : ค่ะ โอจูริจังตื่นเต้นสุดๆไปเลย

ชิโนบุ : เอาแต่จับมือ(อาการิน)ไว้ตลอดเลย 

อาการิน : จับมือที่ชื้นเหงื่อนั้นไว้ตลอดเลยค่ะ 555 

ชิโนบุ : เนอะ ไม่ค่อยได้เห็นเลย ปกติแล้วเธอจะไม่แสดงท่าทางตื่นเต้นให้พวกเราเห็น

อาการิน : ใช่แล้วค่ะ เป็นรุ่นพี่ที่ตั้งใจทำงานมาเสมอโดยที่ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเลย แต่หลังจากพักไปนี่เหมือนว่าเธอจะเริ่มเกิดความคิดว่าถ้าไม่เอาแต่ใจตัวเองล่ะก็คงจะไม่ไหว ก็เลยกลายเป็นคนขี้อ้อนไปแล้วค่ะ แต่ว่าสำหรับพวกเราน่ะ ที่จนถึงตอนนี้ไม่ค่อยจะเป็นฝ่ายถูกอ้อนเท่าไหร่ การที่ได้เอาอกเอาใจเธอก็เลยทำให้พวกเรามีความสุขค่ะ เหมือนว่า นี่เป็นโอกาสที่จะทำให้รู้สึกถึงความเป็นSKEอีกครั้งรึเปล่านะ ค่ะ  



Q : ขอบคุณมากครับ วันที่ต้นฉบับหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมาตรงกับวันที่จูรินะซังไปออกรายการ Music Station พอดี สุดท้ายแล้วคายาโนะซังได้รับคอมเมนท์จากจูรินะซังที่นั่นเลยใช่ไหมครับ?

ชิโนบุ : อ๋า จริงสิ ตรงนั้นน่ะจูรินะตื่นเต้นเอามากๆเลยค่ะ ฉันคิดว่าหากทำให้เธอคลายความตื่นเต้นได้ก็คงจะดี ก่อนจะแก้ไขรอบสุดท้าย ก็เลยบอกเธอว่า ''จูรินะ นี่ความลับนะ'' แล้วก็เอามันให้เธอดูค่ะ เธอพูดว่า ''ว้าว เยอะมากเลย'' แล้วก็ ''ว้าว ฉันเดี่ยวๆเลยนี่'' ''ทำยังไงเหรอ? ฉันไม่ได้ไปถ่ายสักหน่อยนี่นา~'' ฉันเลยบอกไปว่า ''จริงสิ อันนี้น่ะไปขอมาจากAVEX รูปตอนจูรินะถ่ายปกซิงเกิ้ลไง'' เธอก็บอกมาค่ะว่า ''ว้าว สุดยอดไปเลยเนอะ'' ดังนั้นฉันเลยขอว่า ''ตรงนี้ต้องใส่คอมเมนท์ลงไปด้วยนะ ถ้าจะให้ตอบตอนนี้จะได้มั้ย?'' เธอก็ตอบว่ามา ''ตอบได้สิ!'' ค่ะ 555 ดังนั้นก็เลยได้รับคอมเมนท์ตรงนั้นแล้วก็รีบส่งไปเลยค่ะ แต่ว่านะ ถึงฉันจะบอกจูรินะไปว่า ''เป็นความลับ'' ก็เถอะ แต่หลังจากนั้นฉันก็เอาไปให้ดาสุดูต่อทันทีเลยค่ะ

อาการิน : จุ๊ๆ~ แต่ว่านะคะ ยังไงเรื่องที่เอาไปให้จูรินะซังดูเป็นคนแรกก็ไม่เปลี่ยนไปซะหน่อย

ชิโนบุ : ใช่แล้ว เอาแต่พูดว่า ''ดูสิๆ เล่มสมบูรณ์แล้ว~'' ''สุดยอดไปเลย''   

อาการิน : ถ้าอ่านคอมเมนท์โดยด้วยความรู้สึกว่า นี่เป็นคอมเมนท์ในวันที่เธอกลับมาแบบสดๆร้อนๆเลยนะ ความรู้สึกจะต้องต่างออกไปแน่นอนค่ะ 

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] 181016 ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ทาคายานางิ อากาเนะ,ไซโต้ มากิโกะ,โอบะ มินะ จาก zakzak.co.jp

*ตัดมาเฉพาะส่วนที่พูดถึงจูรินะ*
**ไม่ได้แปลตรงจากญป. โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่ะ ฮาาาา**




Q : มัตสึอิจูรินะซังที่พักงานไปนานก็กลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายจะยังไม่กลับมาสมบูรณ์ ทุกๆคนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนอะไรกับจูรินะซังบ้าง?

มากิโกะ : ฉันได้เจอเธอก่อนหน้าที่เธอจะไปขึ้นสเตจเพื่อแจ้งข่าวการกลับมาค่ะ ในขณะที่เรากำลังซ้อมเพลง Glory Days เพื่อขึ้นคอนรีเควสอยู่ จู่ๆจูรินะซังก็เข้ามา พร้อมกับร้องเพลงนั้นไปด้วยค่ะ อารมณ์เหมือนว่า ''ตัวจริงมาแล้วจ้าาา'' ค่ะ (หัวเราะ) 


Q : เหมือนพวกรายการก็อปปี้โชว์(หัวเราะ)

มากิโกะ : ประมาณนั้นเลยค่ะ ทั้งดีใจด้วยอะไรด้วย ถึงแม้ว่าสีหน้าจะดูดีขึ้นมากก็ตาม แต่เหมือนว่าความกังวลที่ต้องไปยืนต่อหน้าแฟนๆที่ไม่ได้พบมานานจะมากเกินไป เธอเลยบอกว่า ''ฉันมาเพื่อขอให้ทุกคนทำให้ฉันคลายความตื่นเต้นน่ะ'' ฉันเองก็กอดเธอไว้ บอกเธอว่า ''ยินดีต้อนรับกลับนะคะ'' แล้วก็ไปส่งเธอค่ะ

อากาเนะ : ส่วนฉัน ถึงจะได้คุยกับเธอแค่นิดหน่อยก่อนที่จะขึ้นไปทักทายแฟนๆ แต่เธอก็พูดออกมาว่า ''SKE48เนี่ย เป็นที่ที่เบาใจได้จริงๆ'' พอได้ยินเธอพูดว่า ''ช่วงที่พักงานไปก็มีเรื่องให้คิดมากมาย แต่ฉันเลิกเป็นSKE48ไม่ได้ ฉันน่ะชอบSKE48จริงๆ อยากจะตั้งใจพยายามไปในที่แห่งนี้'' แล้วก็เหมือนจะร้องไห้เลยค่ะ 

มินะ : ฉันได้คุยกับเธอเมื่อตอนMusic Station(วันที่7กันยา) วันนั้นเธอตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาเลย ทั้งตอนซ้อมและตอนสแตนบายก็ไม่ยอมอยู่ห่างเมมเบอร์SKE48เลยค่ะ ''ถ้าตื่นเต้นขนาดนี้อาจจะเต้นไม่ออกก็ได้ ทำยังไงดี'' พอเธอพูดแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจูรินะซังเป็นแบบนี้เลย

มากิโกะ : ไม่ได้ออกมายืนต่อหน้าผู้คนเลยตั้งเกือบ3เดือนแล้วต้องมาออกรายการทั่วประเทศเลย ต้องกลัวมากๆอยู่แล้วแหละ

มินะ : ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าฉันเองก็ตื่นเต้น ระหว่างนั้นก็เลยเปลี่ยนท่าทางตัวเองใหม่ ทำเป็นเหมือนเรื่องปกติค่ะ บอกไปว่า ''ใช่แล้วล่ะ จูรินะซัง มีคนกำลังดูอยู่ทางTVเยอะเลย! เพราะงั้นแล้ว มาสนุกไปด้วยกันเถอะ!'' รึเปล่านะ(หัวเราะ) เพราะงั้น ใบหน้าของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม เธอบอกว่า ''นั่นสินะ ถ้าไม่สนุกสนานร่าเริงล่ะก็ไม่ได้การแน่'' แต่ว่านะ ตอนออกอากาศคงจะตื่นเต้นอย่างที่คาดไว้ หลังจากจบรายการแล้วร่างกายก็เลยเหมือนหมดพลังไปเลยค่ะ

อากาเนะ : สมัยก่อนเธอเป็นคนที่ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็นค่ะ ตอนนี้ก็ยอมแสดงด้านนั้นให้เห็นแล้ว ในทางกลับกันคือเธอรู้สึกวางใจแล้วรึเปล่านะ

มินะ : เข้าใจ(ความรู้สึกนั้น)เลย! รู้สึกว่า เป็นที่พึ่งได้แล้วรึเปล่านะเนี่ย ค่ะ

อากาเนะ : แต่ว่านะ พอถึงเวลาที่ต้องไปยืนบนเวทีจริงๆแล้วก็เหมือนเปิดสวิตช์เลยล่ะ แบบว่า แว้บ ''คนที่ตื่นเต้นๆอยู่จนถึงเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ?'' เลยล่ะค่ะ(หัวเราะ) ก็แบบว่า นี่สินะโปร~ คิดมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วค่ะ เพราะว่าเธอเปลี่ยนไปจริงๆค่ะเมื่อได้ยืนบนเวที   

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] นิตยสารแฟลช ประจำวันที่ 23 ตุลาคม 2018 บทสัมภาษณ์มัตสึอิจูรินะ


J : จะแสดงให้เห็นถึง 'กราเวียร์ของมัตสึอิจูรินะ' ที่แฟนๆทุกคนคิดถึงเองค่ะ!

ก่อนที่จะถึงงานเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมิถุนายน เธอคนนี้ให้สัญญาเอาไว้ว่าหากได้เป็นที่หนึ่งจะกลับมาถ่ายกราเวียร์กับเรา ใน 'งานเลือกตั้ง AKB48 World Senbutsu' ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบปีที่10 และเธอ คือมัตสึอิจูรินะผู้คว้าอันดับที่หนึ่งมาได้ จากการลงเลือกตั้งเป็นครั้งที่10 แต่ทว่า ด้วยปัญหาทางด้านสุขภาพ จึงจำเป็นต้องพักกิจกรรมไปมากกว่า2เดือน MVเพลงใหม่ที่เธอได้เป็นเซนเตอร์อย่าง Sentimental Train ก็ถูกแทนที่ด้วยภาพวาดและCG ความว่างเปล่านั้นทำให้แฟนๆกระวนกระวายใจไม่น้อย แต่ในที่สุด เธอคนนี้ก็ได้กลับมาในสภาพที่สมบูรณ์ กลับมาเปล่งประกาย และรักษาสัญญาที่ให้ด้วยผลงาน 'กราเวียร์ของมัตสึอิจูรินะ ที่แฟนๆทุกคนคิดถึง'

J : วันนี้สนุกมากเลยค่ะ! ได้กลับมาด้วยการถ่ายทำแบบนี้ ค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นแล้วล่ะค่ะ 

ช่วงเวลาก่อนที่จะกลับมานั้นกินเวลามากกว่าสองเดือน เธอจะกำลังคิดอะไรอยู่บ้างนะ

J : ตลอดเวลาที่ยังกลับมาไม่ได้ฉันรู้สึกผิดต่อทั้งแฟนๆและเมมเบอร์มากค่ะ แต่ว่า ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ต่อไปก็อาจจะมีเรื่องให้ทุกคนต้องตื่นเต้นตกใจกันอีก แต่นั่นเป็นเพราะฉันชอบทำให้แฟนๆดีใจ หรือไม่ก็ประหลาดใจค่ะ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะคะ จริงด้วย! ช่วงที่พักอยู่ฉันแต่งเพลงด้วยล่ะค่ะ เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับSKE48ในตอนนี้น่ะค่ะ พอได้ดูวิดิโอพิเศษที่แถมมากับซิงเกิ้ลแล้วไอเดียมันก็เอ่อล้นออกมาเลย(หัวเราะ) หากวันใดวันนึงได้โชว์ให้ทุกคนดูได้ก็ดีน่ะสิเนอะ เดือนตุลาคมSKE48ก็จะครบรอบ10ปี โชคดีจังค่ะที่กลับมาได้ตรงเวลาพอดี 

หลังจากที่ได้รับอันดับหนึ่งในงานเลือกตั้ง ก็มีเรื่องที่อยากจะทำสินะ

J : เพราะสุดะอาการิจังได้อันดับที่สอง SKE48เลยได้เป็น OneTwo Finish ค่ะ ด้วยความแข็งแกร่งนี้ เราอยากจะทำกิจกรรมให้มากขึ้นทั้งที่โตเกียวและนาโกยะในฐานะSKE48ค่ะ แล้วก็จะพลาดพาเหรดที่นาโกยะที่เคยสัญญาเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ! อยากจะเปิดเพลงของSKE48ไปด้วย อยากจะทำให้หรูหราสุดๆไปเลยค่ะ 

หญิงสาวผู้เป็นหน้าตาในฐานะของเซมบัตสึเมมเบอร์ของAKB48 มีความทะเยอะทะยานนี้อยู่ในกำมือ

J : เป้าหมายต่อไปก็คือ การได้กลับไปยืนบนนาโกยะโดมในฐานะSKE48 และยืนบนโตเกียวโดมในฐานะAKB48ค่ะ ไม่มีทางยอมแพ้ต่อฝันนี้เด็ดขาดค่ะ 

เพลง Sentimental Train ที่ถูกขับร้องด้วยเซมบัตสึเมมเบอร์จากการเลือกตั้ง16คน ในรายการเพลงที่ออกอากาศในช่วงที่พักกิจกรรม ก็มีครั้งที่เอาถ้วยรางวัลมาตั้งแทนตำแหน่งที่เธอควรจะยืนด้วย

J : มันน่าเจ็บใจค่ะที่ต้องพักงานไปอย่างช่วยไม่ได้ ตอนแรกก็เลยคิดไว้ว่าการไม่ดูMVน่าจะดีกว่ามั้ยนะ แต่สุดท้ายแล้วก็ดูจนได้ค่ะ ตกใจมากเลยที่ฉันกลายเป็นเหมือน HATSUNE MIKU ซะอย่างนั้น 
เพราะมีการใช้ฟุตเทจเมื่อ7ปีก่อนอยู่นิดนึงด้วย มันทำให้ฉันได้ลิ้มรสถึงความคิดถึงเรื่องราวของอดีต และความสดใหม่ของปัจจุบันไปพร้อมกันค่ะ 

ช่วงเวลาที่พักกิจกรรมไปนี้ จูรินะคิดว่าตัวเองมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหมนะ

J : ช่วงที่พักไปน้ำหนักขึ้นมา5กิโลค่ะ(หัวเราะ) แต่ว่า วันนี้ได้รับคำชมจากทุกคนที่นี่ค่ะว่า 'แบบนี้ก็ดีแล้วนี่' เลยรู้สึกไขว้เขวไปเลยล่ะค่ะ รูปร่างแบบนี้น่ะดีเวลาถ่ายกราเวียร์ก็จริง แต่ในฐานะไอดอลที่ต้องเต้นแล้วล่ะก็ ถ้าไม่ลดลงสัก2กิโลไม่ได้แน่เลยค่ะ ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ แต่กำลังเริ่มการทำ Long Breathe Diet อยู่ค่ะ ลำบากมากเลยล่ะค่ะ! แต่ก็ได้ไปเรียนกับคุณครูมาแล้ว ก็เลยว่าจะทำต่อไปค่ะ แล้วก็ทำอาหารเก่งขึ้นด้วย ได้มีโอกาสทำอาหารกับคุณแม่เยอะขึ้นเลยค่ะ ก่อนที่จะพักไปได้ทำอาหารบ้างก็จริง แต่(ตอนนี้)ชำนาญขึ้นแล้วล่ะค่ะ พอได้พัก ก็เลยไม่มีเรื่องที่ต้องคิด ในหัวก็เลยว่าง ความคิดก็หมุนเวียนง่ายขึ้น แล้วก็อยากจะมีความเป็นผู้หญิงให้มากขึ้นด้วยค่ะ

จูรินะที่ทั้งสดใสและเป็นธรรมชาติตลอดการถ่ายทำและให้สัมภาษณ์นั้น ถึงเธอจะพูดว่าสภาพร่างกายยังไม่กลับมาเหมือนเดิมก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าเธอกำลังอยู่ในขั้นพัฒนา และก้าวเดินต่อไปในฐานะของQueen




ญี่ปุ่น-เกาหลี :@Ruiring632
เกาหลี-ไทย  : EARN

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[แปล] หนึ่งร้อยเปอร์เซน เอสเคอีโฟร์ตี้เอท เล่มห้า บทสัมภาษณ์มัตสึอิจูรินะ

จะไม่จบแค่ที่10ปี จากนี้ไปสิคือการเริ่มต้นของจริง
มัตสึอิจูรินะ(รุ่น1)



การหวนคืนสู่ตำแหน่ง
หากคนที่ขับร้องไม่ใช่ฉันเองล่ะก็นะ

Q : เซนเตอร์ Ikinari Punchline คือจูรินะซังสินะครับ!
A : ใช่แล้วค่ะ! นานพอดูเลยนะคะเนี่ย!

Q : ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ?
A : ไม่คิดเลยค่ะ คิดไว้แค่ว่าอาจจะเป็นยูนานะ(โอบาตะยูนะ)รึเปล่าน้า 

Q : รู้เรื่องนี้ตอนไหนเหรอครับ?
A : รู้ตอนที่อยู่เกาหลีค่ะ เหมือนจะรู้เพราะว่าเมมเบอร์ส่งคลิปวิดีโอมาบอกว่า 'วันนี้มีประกาศเซมบัตสึล่ะค่ะ' หรือเปล่านะ? ตกใจมากเลยล่ะค่ะ เพราะคิดไว้ว่าการจะกลับมาเป็นเซนเตอร์ที่SKE48อีกครั้งคงจะอีกสักระยะ เลยมีคิดไว้ว่าอีกทีอาจจะเป็นตอนจบการศึกษาเลยรึเปล่านะ 

Q : เป็นเพลงแบบไหนเหรอครับ?
A : เป็นเพลงที่มีท่าเต้นออกแนวค่อนข้างเร่าร้อนค่ะ เพราะเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกเท่ๆหน่อย เลยอยากให้ได้ดู MV กันไวๆค่ะ! เนื้อเพลงพูดในมุมมองของผู้ชาย ที่อยากจะครอบครองผู้หญิงคนนึง แต่ผู้หญิงก็ไม่หันมามองเลย เพราะงั้นจู่ๆผู้ชายคนนั้นก็เลยปล่อยหมัดเด็ดออกมา ประมาณว่าอยากจะครอบครอง.. อะไรแบบนี้น่ะค่ะ

Q : ดังนั้นแล้ว ก็เลยชื่อเพลง Ikinari Punchline สินะครับ แล้ว MV ล่ะเป็นยังไงครับ?
A : เต้นกันไม่ได้หยุดเลยล่ะค่ะ ชุดมีทั้งชุดสีแดงวิบวับ กับชุดสีขาวแบบหญิงสาวค่ะ ตอนถ่ายเดี่ยวก็โดนบอกว่า 'เต้นฟรีสไตล์ไปเลยนะครับ' ด้วยค่ะ ตอนถ่ายฉากลิปซิงค์ก็ใส่แรงลงไปมากกว่าปกติเลยล่ะค่ะ

Q : เป็นการเต้นในสไตล์SKE48สินะครับ
A : ใช่แล้วล่ะค่ะ มีซีนที่ราดของเหลวสีทองๆลงบนหัวไหล่กับมือด้วย สนุกมากเลยค่ะ จริงสิ! ผกก.คราวนี้เป็นคนไอจิด้วยล่ะค่ะ เขาก็มีชวนคุยกับเมมเบอร์เรื่องบ้านเกิด ทำให้บรรยากาศสนุกขึ้นมากเลยค่ะ เพราะคนนาโกยะก็จะชอบคนนาโกยะนั่นเองค่ะ 

Q : เพราะหนทางสู่ปีที่10ของSKE48อยู่ตรงหน้า เลยยิ่งใส่พลังกันเลยสิครับ?
A : ใส่พลังลงไปเยอะมากค่ะ ส่วนมากจะใช้เวลาเรียนท่าเต้นครั้งแรกกัน4ชม. แล้วก็ซ้อมให้เป๊ะกันอีก2-3ชม. รวมแล้วก็ประมาณ7ชม.ค่ะ แต่คราวนี้ใช้เวลาเรียนท่ากัน5ชม. แล้วก็บวกเพิ่มไปอีก2ชม.ค่ะ พอรวมกันส่วนที่ซ้อมให้สมบูรณ์แบบ ก็เกิน10ชม.ไปเลยล่ะค่ะ 

Q : ทุ่มเทแรงกายแรงใจเลยสินะครับเนี่ย?
A : โชคดีที่ไม่มีใครที่ตามไม่ทันเลยค่ะ ทั้งท่าเต้นและตำแหน่งยืนน่ะยากมาก หากแยกแถวออกไปเป็นแนวทแยงได้ไม่ตรงเป๊ะๆล่ะก็ไม่ได้เลยล่ะค่ะ เพราะงั้นนอกจากท่าเต้นก็ต้องบวกตำแหน่งยืนเข้าไปอีก เลยใช้เวลานานค่ะ

Q: เห็น Avex บอกว่า ทางเขาเต็มที่ทั้งการถ่าย MV และถ่ายปกเลยนะครับ เสื้อผ้าก็ทุ่มเทกับเวลาทำ ทั้งการแต่งหน้าก็เรียกได้ว่าร่วมแรงกันเลยทีเดียว
A : คงเป็นเพราะว่าใกล้จะครบ10ปีสินะคะ การร่วมแรงร่วมใจนั้นเมมเบอร์อย่างเราก็สัมผัสได้ค่ะ เลยรู้สึกดีใจมากเลย ต้องขอบคุณจริงๆค่ะที่ลงแรงกับSKE48(หัวเราะ) ช่วงนี้ก็ทั้งจัดคอนเสิร์ตให้ เสื้อผ้าใหม่ๆก็เยอะขึ้นด้วยค่ะ

Q : ถ้าชุดนี้ได้เอาไปให้ตุ๊กตามีมี่จังใส่ก็คงจะดีนะครับ นาโกยะคงจะคึกคักขึ้นมาเลย 
A : ถ้างั้นก็ดีน่ะสิคะ!

มีมี่จังที่นาโกยะค่ะ


Q : พอพูดถึงนาโกยะแล้ว ได้คุยกับท่านนายกเทศมนตรี คาวามูระ ทากาชิด้วยสินะครับ
A : ใช่แล้วค่ะ ท่านถามมาว่า 'หลังงานเลือกตั้งจบอยากจะทำอะไร?' ค่ะ เลยขอร้องไปว่า 'หากได้ที่1ล่ะก็ช่วยจัดพาเหรดให้ด้วยเถอะนะคะ' บอกไปแบบนั้นท่านก็ตอบมาค่ะว่า 'ดีเหมือนกันนะ!' ดูท่าทางท่านคงจะหาที่ว่างๆในเมืองที่พอจะจัดพาเหรดให้ได้ค่ะ บอกมาว่า 'พาเหรดครั้งที่1ให้เป็นSKE48เถอะ' ค่ะ

Q : นั่นสุดยอดไปเลยนะครับ ก่อนทีม Chunichi Dragons อีก
A : หากได้เชียร์ทีม Dragons ไปด้วยจะต้องสนุกขึ้นแน่เลยค่ะ!

Q : นั่นสินะครับ(หัวเราะ) แต่ว่า ชุดวิบวับสีแดงนี่หากได้อยู่ในขบวนพาเหรดจะต้องสุดยอดแน่ๆ!
A : เยี่ยมเลย!

Q : หากจะถามอะไรให้เข้ากับชื่อเพลงล่ะก็ ไม่ทราบว่าได้คุยกับโอบาตะซังหรือยังครับ?
A : ยังไม่ได้คุยกันจริงจังเลยค่ะ ก็สงสัยอยู่ว่าเธอจะคิดยังไงนะคะ เรื่องน่าดีใจก็คือ ตอนที่ชูริได้ฟังเพลงนี้แล้วพูดว่า 'นี่คือเพลงของจูรินะซัง' ค่ะ 
(ทาคายานะงิที่อยู่แถวนั้นเข้ามาใกล้โดยบังเอิญพอดี)
ชูริ : จริงๆแล้วฉันพูดว่า 'พอได้ฟังเพลงแล้ว เซนเตอร์จะต้องเป็นจูรินะซังเท่านั้น!' ต่างหากล่ะคะ คนอื่นไม่ไหวหรอค่ะ! ไม่สิ จะบอกว่าไม่ไหวก็จะเกินไปหน่อย จะให้พูดยังไงดี...
J : แค่ J คนเดียวเท่านั้น (หัวเราะ) 
ชูริ : ฉันว่าเซนเตอร์เพลงนี้ดูจะเหมาะสมกับคนที่ลุคดูผู้ใหญ่หน่อยค่ะ 


จำเป็นต้องตั้งเป้าหมาย 
และเตรียมพร้อมมุ่งสู่ฝันครั้งใหม่


Q : SKE48กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่10แล้ว อยากจะให้วงเป็นไปในทิศทางไหนครับ?
A : SKE48น่ะ หากให้พูดถึงความฝันหรือเป้าหมายของตัวเองโดยที่ไม่ต้องเกรงใจกันนั้น ทุกคนจะมุ่งไปยังเป้าหมายเดียวกัน ฉันคิดว่า 'นี่แหละคือSKE48' ค่ะ ฉันคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่จะพูดแทนสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคนได้ค่ะ มันจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนมั้ยนะ หากจะให้พูดอย่างเป็นรูปธรรมล่ะก็ ก็คือการได้ยืนบนนาโกยะโดมตอนครบรอบ10ปีค่ะ แต่ว่า หากเราบรรลุผลเรื่องนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่า แล้วต่อจากนั้นล่ะจะเป็นยังไง หากไม่ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนต่อไปล่ะก็ไม่ได้การแน่ๆค่ะ ฉันคิดว่าครบรอบ10ปีนี่แหละคือการเริ่มต้นของจริง อยากจะค้นหาความฝันหรือไม่ก็เป้าหมายใหม่ค่ะ 

Q : ผมคิดว่า การได้จัดคอนเสิร์ตที่นาโกยะโดมเมื่อ4ปีก่อนนั้น ไอ้ความรู้สึกที่ว่าได้บรรลุเป้าหมายเนี่ย ส่วนหนึ่งก็มาจากการยอมรับของเมมเบอร์สินะครับ 
A : ฉันก็คิดแบบนั้นนะคะ

Q : กลายเป็นว่าตั้งเป้าหมายเอาไว้เป็นนาโกยะโดมสินะครับ
A : ใช่แล้วค่ะ ถึงจะบอกว่า ก็เคยยืนบนนาโกยะโดมแล้วนี่ ก็ตาม แต่ฉันก็คิดว่านั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด อยากจะทำโดมทัวร์ด้วยค่ะ เพราะอยากให้คนในหลายๆที่ได้พบกับSKE48 คำว่าเป้าหมายใหม่เนี่ย ไม่จำเป็นต้องมีแค่ข้อเดียวนี่คะ โดมทัวร์ก็ดี การได้กลับไปขึ้นงานขาวแดงก็ดีเหมือนกันค่ะ หากได้เคลียร์ไปทีละอย่างได้ก็คงจะดีนะคะ หากไม่มีเป้าหมายแบบนั้นล่ะก็ แฟนๆก็คงจะคิดว่า 'SKE48กำลังมุ่งไปสู่อะไรกันนะ' 'นี่เรากำลังเชียร์พวกเธอไปเพื่ออะไร' แน่ๆเลยค่ะ นั่นไม่ใช่แค่เพราะว่าฉันชอบSKE48 แต่ฉันคิดว่าเพราะเป้าหมายเหล่านั้นเป็นสิ่งล้ำค่าที่เราจะบรรลุมันไปพร้อมๆกับแฟนๆได้ค่ะ

Q : ในกรุ้ปก็จะแบ่งเป็นคนที่ตั้งเป้าหมายและไม่ตั้งเป้าหมาย ช่วงเวลาหลายปีผ่านมานี้ การไม่ตั้งเป้าหมายกลายเป็นเทรนด์ไปเสียแล้ว คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ?
A : ฉันเป็นประเภทตั้งเป้าหมายนะคะ ฉันคิดว่านั่นทำให้เราสามัคคีและคึกคักขึ้นมาได้ค่ะ การที่บรรลุเป้าหมายได้มันน่าดีใจออกไม่ใช่เหรอคะ? มันไม่ใช่แค่การไปยืนบนโดม แต่เป็นการไปยืนบนสถานที่ที่เป็นเป้าหมายได้ต่างหากค่ะ ความประทับใจต้องยิ่งใหญ่กว่าอยู่แล้ว ฉันน่ะอยากที่จะมีความสุขและสนุกไปกับทุกๆคนค่ะ ดังนั้นแล้วการตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องจำเป็นนะคะ 

Q : เพราะเป็นคนที่ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เลยยึดถือไปแล้วว่าเส้นชัยไม่ใช่แค่นาโกยะโดมสินะครับ
A : ฉันก็กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ค่ะ แต่ก็คิดแหละค่ัะว่านาโกยะโดมต้องไม่ใช่จุดจบ ว่าตามจริงแล้วฉันอยากจะทำให้เราเป็นวงที่จัดโดมทัวร์ได้ค่ะ ก่อนอื่นเลยสิ่งที่ต้องทำคือการได้กลับไปยืนบนนาโกะยะโดมของSKE48 หากเรามีพาวเวอร์ขนาดนั้น ฉันคิดว่าเราก็น่าจะสามารถจัดในสถานที่อื่นๆได้เช่นกันค่ะ 


ปรีดาในฐานะไอดอล
หว้าเหว่ในฐานะมนุษย์ 


Q : ต่อไปไม่ใช่เรื่องกรุ้ปแล้ว มาคุยเรื่องส่วนตัวกันดีกว่าครับ การที่จะทำให้กลุ่มแข็งแกร่งได้ตัวเราเองก็ต้องแข็งแกร่งด้วย จูรินะซังมีออพชั่นอะไรที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้บ้างครับ?
A : ก็ทั้งงานเลือกตั้งทั่วไปด้วย แล้วก็อยากจะเป็นเซนเตอร์ในซิงเกิ้ลของAKB48ค่ะ

Q : แปลว่าไม่ใช่แค่ซิงเกิ้ลที่จะขายในเดือนกันยาเท่านั้นสินะครับ
A : ค่ะ เป็นเรื่องที่เพิ่งจะคิดเมื่อไม่นานนี้ก็จริงค่ะ แต่ฉันเริ่มต้นมาจากการได้เป็นเซนเตอร์ในซิงเกิ้ล 'Oogoe Diamond' ของAKB48ใช่ไหมล่ะคะ? ก็มีคิดว่า คำว่าเซนเตอร์คืออะไรกันนะ แล้วก็ลองสังเกตุผู้คนหลายๆประเภทที่ได้เป็นเซนเตอร์ค่ะ เหล่ารุ่นพี่ยืนอยู่ในจุดนั้นยังไง แล้วถ้าเป็นรุ่นน้องล่ะจะออกมาเป็นยังไง พอคิดแบบนั้นแล้ว ความกระหายที่อยากจะเป็นเซนเตอร์ก็ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นค่ะ มันไม่ใช่ที่ที่ใครจะมายืนก็ได้นี่คะ เพราะได้มองแผ่นหลังอันโด่งดังของมาเอดะซัง,ยูโกะซัง,มายุซัง,ซาชิฮาระซังมา ก็เลยยิ่งสัมผัสได้ถึงคุณค่าของการได้เป็นเซนเตอร์ค่ะ ยิ่งเพราะเคยได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกันมาก่อน ฉันก็เลยรู้ดีค่ะ แต่ว่าตำแหน่งเซนเตอร์ของAKB48ในตอนนี้ออกจะแตกต่างออกไป รู้สึกว่าจะเป็นช่วงที่ให้เมมเบอร์หลายๆคนผลัดกันมายืนเซนเตอร์หรือเปล่านะ? แต่เพราะว่าAKB48น่ะมีวิธีการคิดที่ว่า 'จะไม่ทำอะไรที่ธรรมดาๆ' ยึดถือเป็นสำคัญเลยล่ะค่ะ ก็เลยพอจะเข้าใจได้นะคะ แล้วตอนนี้เหล่ารุ่นน้องก็คิดอยากที่จะยืนตำแหน่งเซนเตอร์ คิดว่าตำแหน่งเซนเตอร์ของAKB48น่ะสุดยอดจริงๆก็มีค่ะ เพราะเซนเตอร์ของAKB48 ก็คือเซนเตอร์ของ48กรุ้ปไงล่ะคะ ดังนั้นแล้ว การที่ได้เป็นเซนเตอร์จากการได้ที่1ในงานเลือกตั้งก็สำคัญ แต่จากตรงนั้นเป็นต้นไปฉันก็คิดว่ามันก็สำคัญมากเหมือนกันค่ะ 

Q : เพื่อสิ่งนั้นแล้ว ก็เลยจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้คนสินะครับ
A : ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องมาก่อนเลยคือการได้เป็นที่1ในงานเลือกตั้งแล้วได้รับการยอมรับรึเปล่านะ?

Q : นั่นต้องสำคัญอยู่แล้วครับ ถึงจะเป็นเรื่องที่ผมคิดไว้ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่ผมคิดว่าออพชั่นที่สำคัญสำหรับจูรินะซังอีกอย่างคือการได้ไปออกรายการภาคพื้นน่ะครับ
A : อ๋า~ นั่นสินะคะ 

Q : หากทำให้คนอีกหลายๆคนรู้จักมากขึ้นได้ ก็จะสามารถเป็นหน้าตาของกรุ้ปได้ด้วยสินะครับ
A : อยากไปออกมากๆเลยค่ะ! หากจัดตารางงานได้ล่ะก็นะ(หัวเราะ) เห็นว่าคาวาเอย์(รินะ)จังก็เหมือนจะได้ออกรายการ 'A-Studio'อยู่ใช่ไหมล่ะคะ? นั่นน่ะเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากเลยนะคะ

Q : นอกจากนี้แล้วมีอะไรที่จำเป็นอีกไหมครับ?
A : หากมีเรื่องที่ทำได้อีกก็ดีสินะ จนถึงตอนนี้ฉันเอาแต่คิดถึงเรื่องกรุ้ปค่ะ ก็เลยไม่มีงานอดิเรกเป็นของตัวเองเลย ได้โอกาสไปออกTVบ้างก็จริง แต่ตามเรื่องที่เขาคุยๆกันไม่ทันเลยล่ะค่ะ 

Q : เป็นเรื่องความรู้ทั่วไปเหรอครับ? หรือว่าเรื่องที่กำลังได้รับความนิยม?
A : ทั้งคู่เลยค่ะ(หัวเราะ) 

Q : เพราะว่าตารางงานไม่ว่างเลยสินะครับ
A : ได้รับความเมตตาในฐานะของไอดอลมัตสึอิจูรินะมาตลอดก็จริง แต่ในฐานะของมนุษย์มัตสึอิจูรินะน่ะ เป็นคนขี้เหงานะคะ หากได้เติมเต็มในส่วนนั้นได้ก็คงจะดีค่ะ อยากจะมีงานอดิเรกอื่นนอกจากมวยปล้ำด้วย

Q : อยากเพิ่ม(งานอดิเรก)อะไรเหรอครับ?
A : เพราะการดูกีฬาน่ะสนุกมาก เลยอยากจะรู้ให้ละเอียดในอีกหลายๆแขนงค่ะ การดูเบสบอลก็สนุกนะคะหากมีสโมสรที่เชียร์อยู่ โดยเฉพาะทีมDragons เพราะเป็นทีมที่SKE48เป็นตัวแทนเชียร์อยู่ ก็เลยเชียร์ได้อย่างเต็มที่ แต่จนถึงตอนนี้ก็มีแฟนๆที่เป็นแฟนของทีมอื่นอยู่ ก็เลยพูดยากหน่อยน่ะค่ะ 

Q : ได้เข้าไปดูการแข่งขันด้วยสินะครับ
A : ค่ะ การที่ได้เข้าไปนั่งเชียร์น่ะสนุกมากก็จริง แต่ดีใจด้วยค่ะที่ได้เข้าใจจิตใจของแฟนๆ ทำให้รู้ว่า การเชียร์เนี่ย เป็นอะไรที่ใช้พลังกายขนาดนี้เลยนะ หรือไม่ก็ การที่ทีมDragonsชนะทำให้เราดีใจขนาดนี้เลยเหรอ เป็นต้นค่ะ ทั้งการดูการแข่งขันมวยปล้ำและเบสบอล ทำให้ฉันเกิดความคิดอันแรงกล้าแบบนั้นขึ้นมาได้ค่ะ

Q : สุดท้ายนี้ ได้ยินว่ามาจากคอนเสิร์ตที่ไกชิฮอลล์ครับ เป็นความทรงจำที่เกี่ยวกับจูรินะซังครับ
ตอนเพลง 'Oki Doki' บนคอนเสิร์ตรอบเย็น ตอนกลางเพลงได้มีเปลี่ยนคำร้องจาก 'ไปกันเถอะ Oki Doki!' เป็น 'ไปกันเถอะ นาโกยะโดม!' ด้วยนี่ครับ นั่นเป็นแอดลิปใช่ไหมครับ?
A : ใช่แล้วค่ะ! ท่อนนั้นน่ะไม่ค่อยถูกเปลี่ยนคำร้องเลยนะคะ เลยคิดเองว่าท่อนนั้นน่ะห้ามเปลี่ยนค่ะ แต่ว่าวันนั้นจู่ๆก็มีแว้บนึงที่คิดว่า เปลี่ยนคำร้องเถอะ แล้วก็เปลี่ยนมันตอนนั้นเลยค่ะ(หัวเราะ) ทำไมกันนะ? บางทีอาจจะเพราะความรู้สึกที่ว่าเราดูเหมือนจะไปยังนาโกยะโดมได้ล่ะมั้งคะ? เพราะรู้สึกแบบนั้น ก็เลยเผลอพูดออกไปน่ะค่ะ ก็คิดนะคะว่า 'ดีล่ะ งั้นมาพูดออกไปเลย!'

Q : ด้วยคำพูดนั้น ผมว่ามันทำให้บรรยากาศของกรุ้ปกลายเป็นหนึ่งเดียวเลยนะครับ เริ่มต้นจากการที่พูดออกมาว่า 'ไปกันเถอะ นาโกะยะโดม' ในคอนเสิร์ต Unit Battle นั้นน่ะ กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ไปเลยนะครับ
A : พูดออกไปอย่างชื่นมื่นเลยล่ะค่ะ เพราะคิดว่า 'หากพูดไปละก็จะต้องคึกคักกันแน่ๆ' น่ะค่ะ(หัวเราะ) 
หลังจากนั้นในงานจับมือ ก็มีแฟนๆที่มาบอกว่า 'ชั่ววินาทีนั้น เสียงเชียร์ในไกชิฮอลล์น่ะดังที่สุดเลยนะ!' พอได้ยินแบบนั้นแล้วก็ยิ้มกว้างออกมาอีกรอบเลยล่ะค่ะ(หัวเราะ) 
 




ญี่ปุ่น-เกาหลี : @Ruiring632
เกาหลี-ไทย  : EARN